๐ พืชผลิตอาหารได้จากการสังเคราะห์แสงและการนำน้ำและธาตุอาหารจากรากเข้าสู่ลำต้นแล้วส่งไปยังส่วนต่างๆของพืช อาหารเหล่านี้ถูกคุกคามจากแมลงปากดูดจำพวกเพลี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลี้ยอ่อน อยู่ในวงศ์ Aphididae มีลำตัวอ่อนนุ่มและบอบบาง อีหัวเรียวเล็กต้นโตและมีลักษณะปลายหางมน ด้านท้ายของลำตัวมีท่อยื่นออกมาคล้ายหางจำนวนสองท่อการเข้าโจมตีที่บริเวณส่วนอ่อนของลำต้นอาทิ ยอดอ่อน ใบอ่อน และกิ่งอ่อน เป็นต้น พืชเองก็พยายามตอบสนองต่อการถูกโจมตีนี้ในรูปแบบต่างๆอาจจะเห็นอาการการแต่ยอดจำนวนมาก หรืออาการหงิกงอของส่วนที่ถูกเพลี้ยอ่อนโจมตีนั้น ประกอบกับเพลี้ยอ่อน มีความสามารถในการขยายพันธุ์ในคราวละมากๆ จึงทำให้เราสามารถพบการโจมตีหรือเข้าทำลายพืชอย่างรุนแรง โดยใช้ระยะเวลาจากตัวอ่อนจนเป็นตัวโตเต็มวัยใช้เวลาเพียงประมาณ 12 วันเท่านั้น โดยตัวเต็มวัยนั้นสามารถขยายพันธุ์ต่อไปโดยไม่ต้องใช้เพศ พบว่าเพี้ยงอ่อนหนึ่งตัวสามารถให้ตัวอ่อนได้ถึง 45 ตัว อีกทั้งวงจรชีวิตของเพลี้ยอ่อนเอง มีความสามารถลอกคราบ เพื่อขยายขนาดของตนเองด้วย ยิ่งทำให้การเข้าทำลายฟังผลเสียหายได้มากขึ้น
๐ วิธีการเข้าทำลาย
ใช้อวัยวะส่วนปากดูด เจาะแทงลงไปในส่วนเนื้อเยื่อของพืช ดูดกินน้ำเลี้ยงตามส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนของพืชที่เกิดใหม่ เช่น ใบอ่อน ใบ ยอด และตาใบ เพลี้ยอ่อนดูดน้ำเลี้ยงจากพืชโดยใช้ปากที่มีลักษณะเป็นท่อยาวแทงเข้าไปในส่วนของใบ ยอด หรือตา เพื่อใช้ในกระบวนการเจริญเติบโตของตน จากนั้นก็จะขับถ่ายของเสียที่มีลักษณะเป็นของเหลวเมือกเหนียวๆ เรียกว่า “มูลหวาน” ซึ่งจะเป็นที่อาศัยและอาหารที่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเป็นอาหารของมดดำ ซึ่งเกื้อกูลกันและกัน
๐ อาการที่แสดงออกของพืช
หากเข้าทำลายในส่วนของต้นที่ยังเกิดใหม่หรืออ่อนอยู่นั้น ยอดที่ถูกทำลายจะแสดงอาการใบหงิกงอ แตกเป็นพุ่มถี่ ลำต้นอาจมีอาการบิดเบี้ยวประกอบด้วย มีช่วงข้อของต้นเกิดถี่ขึ้น หรือการงอกของกิ่งกรือก้านใบถี่ขึ้น ต้นไม้แคระแกรน เจริญเติบโตช้า ในไม้ดอกอากเลือกิ้งดอกไม่เจริญเติบโตหรือบานต่อไป หากมีการระบาดรุนแรงยอดจะแห้งตาย ถ้ามีระบาดในช่วงที่พืชมีอายุน้อย อาจทำให้ต้นพืชตายหรือไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้
๐ การป้องกันกำจัด
ต้นพืชที่อุดมสมบูรณ์แข็งแรงนั้นเพลี้ยอ่อนจะไม่เข้าทำลาย นอกจากนี้แล้วถึงแม้ว่าช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่มีการเข้าทำลายของเพลี้ยได้ดี หากมีปริมาณฝนตกหนักติดต่อกันก็จะทำให้การระบาดลดลง ในกรณีที่มีการเข้าทำลายแล้วแนะนำให้ทำดังนี้
๐ ในกรณีที่มีปริมาณการระบาดไม่มากนัก ไม่ใช่เหล็กแหลมหรือไม้แข็ง ขูดทำลายเสียออกจากบริเวณที่เข้าทำลายพืชในส่วนนั้น ประกอบกับการรดน้ำให้เป็นฝอยลงไปที่ส่วนของพืชที่มีการเข้าทำลายของเพลี้ยแป้งเพื่อชะล้างเอาตัวแมลงบางส่วนออกไปรวมไปถึงราดำที่เริ่มเข้ามาโจมตีตามการทำลายของเพลี้ยแป้ง
๐ ในกรณีที่มีปริมาณการระบาดมาก ให้ทำการตัดแต่งกิ่ง หรือส่วนของพืชบริเวณที่มีการเข้าทำลาย ออกทั้งหมด เพื่อรอการเจริญเติบโตหรืองอกยอดใหม่
๐ การใช้สารชีวภัณฑ์สามารถใช้ได้ทั้ง
บิวเวอเรีย เชื้อรา บิวเวอเรีย,บูเวเรีย บัสเซียน่า หรือ บิวเวอร์เรีย บัสเซียน่า (Beauveria bassiana)
และเชื้อรา เมตาไรเซียม อะนิโซเพล(Metarhizium anisopliae)
ควรฉีดพ่นคุมทั้งแปลง รวมไปถึงการฉีดพ่นทุกสามถึงสี่วันเพื่อป้องกัน การแพร่ระบาด และการไม่ได้ผลจากการฉีดพ่นให้เชื้อราขึ้นปกคลุมตัวในระยะลอกคราบ
๐ อัตราใช้
ควรใช้เพื่อการการป้องกัน โดยใช้อัตรา 80 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร อาจผสมสารจับใบ ฉีดพ่นซ้ำทุกๆ 7-10 วัน หากมีเพลี้ยอ่อนระบาดแล้วควรเพิ่มปริมาณ โดยใช้อัตรา 100-150 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร และควรฉีดพ่นซ้ำทุกๆ 3-5 วัน จนกว่าเพลี้ยอ่อนจะหยุดระบาด
ขอบคุณชีวภัณฑ์จาก Appliedchem (Thailand)Co.,Ltd. ซึ่งสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก www.facebook.com/bioareus
หรือค้นหาคำว่า Appliedchem-Thailand
๐ คติความเชื่อแต่โบราณนานมาเรียกขานคนที่ปลูกอะไรก็งาม ปลูกอะไรก็ขึ้นว่าเป็นคน “มือเย็น” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Green Thumb” หรือพวกหัวแม่โป้งเขียว ก็คือคนมือเย็นน้่นเอง
๐ Muuyehn Studio หรือ มือเย็น สตูดิโอ เป็นช่องที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจให้คนทั้งมือเย็น มือไม่เย็น มืออุ่น มือร้อน มือไหนๆ ก็ปลูกต้นไม้ได้งอกงามดี ขอแค่ทำความรู้จักและรักที่จะปลูก
ถึงปลูกแล้วตาย ปลูกแล้วโตช้าก็อย่าได้แคร์ ขอให้ปลูกกันต่อไปนะครับผม