MENU

Fun & Interesting

ลำล่อง ประวัติเเละเกียรติคุณ พระเทพสารคามมุนี (ปุ้ม ปณฺฑิโต) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม

Video Not Working? Fix It Now

ลำล่อง ประวัติเเละเกียรติคุณ พระเทพสารคามมุนี (ปุ้ม ปณฺฑิโต) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม อดีตเจ้าอาวาสวัดอภิสิทธิ์ จัดสร้างถวาย : พระปลัด ทินพล ชยาภิภู ประพันธ์ถวาย : พระครูใบฎีกา ชาญชัย เสฏฺฐสิริ ศิลปิน : อ๊อฟ สุรพล ทองด้วง บันทึกเสียง : คีตะอีสาน Studio โอย ละหนอ หละบุญเอ๋ย บุญสมภารผลาสร้าง จงนำทางให้เถิงที่ บุญหลวงปู่”พระเทพสารคามมุนี” ผู้ล่วงไลลาโลกเเล้ว จงเถิงเเก้วเเห่งวิมาน นิพพานเทอญ สิบนิ้วขอกราบก้มประนมเกศกรถวาย หมายมโนใจนึกนอบพระคุณบูชาไท้ คุณพระไตรซูค้ำสามประการเป็นที่เพิ่ง ใสเลิงเลิงยกไว้เหนือกระหม่อมเกล้าเฮาท่านคู่ซู่คน พรรณนาเบื้องต้นสังเขปตามประวัติ เพื่อนำฮอยครองวัตรเอกสงฆ์ทะรงที่ นาม”พระเทพสารคามมุนี”นี้ ศรีสงฆ์องค์สง่า “ตักสิลามหาเถระ”น้อมยอไหว้นบพระคุณ ชาติภูมิก่อนพุ้นถือกำเนิดซาตา ในตระกูลชาวนาอยู่”บ้านโพธิ์ชัย”นั่น “เมืองวาปีปทุม”หั่น”สารคาม”กํ้าบ้านเก่า หลวงปู่เกิดวันเสาร์เเฮมหกค่ำเดือนค้อยสิบเอ็ดจ้อยหว่างมะโรง ตรงกับ พ.ศ.ได้สองพันปลายสี่ร้อยกว่า เจ็ดสิบเอ็ดบ่มั่วมัวม้างหม่นหมอง เป็นบุตรเกิดจากท้องของเเม่ซื่อ”นางเนียม” คุณพ่อซื่อ”นายสุวรรณ” พรํ่ากันเเต่คราวพุ้น พ่อเเม่ปุนปองเลี้ยงขนานนามเอิ้นซื่อ เด็กชาย”ปุ้ม”ให้ถือ”ชัยโคตร”ต่อท้ายหมายซั้นเเห่งสกุล เจริญวัยใหญ่รุ่นเถิงขวบพอศึกษา อาศัยโรงเรียนวัดฮำเฮียนเพียรพ้น จนจบ”ป.๔”ได้ ความฮู้หลายกายเกินผ่าน การศึกษาขั้นต้นพอฮู้ฮ่อมทาง เป็นคนดีบ่อวดอ้างโอ้อ่งทรงคะนอง บ่มีหมองมลทินกลิ่นราคีกลั้ว อายุตัวเจริญขึ้นเถิงซาวปีถ้วนว่า จึงได้ลาจากบ้านหาญสู้เข้าสู่ธรรม พ่อเเม่เป็นผู้ค้ำนำอุปสมบท ตอบพระคุณเเทนทดค่านํ้านมมารดาท่าน วันอังคารที่ซาวห้าฤดูเดือนพฤษภา พ.ศ.ปลายเก้าสิบหนึ่ง จึงได้ยอฝากไว้นำท่านหมู่สงฆ์ “วัดสว่างอรุณ”นั้นอยู่ซ่งขงเขต”เมืองจตุร ฯ” “หลวงปู่ใบฎีกาเส็ง”เพิ่นนั่ง”อุปัชฌาย์”ให้ ถวายนามฉายาไว้ “ปณฺฑิโต”สุขโขยิ่ง เเปลว่า “ผู้ยอดยิ่งความฮู้คู่ซู่เเนว” พอเเต่บวชเป็นพระเเล้วได้เขียนอ่านนักธรรมตรี อยู่”วัดโพธิ์ชัยศรี” “บ้านโพธิ์ชัย”นั้น จนจบการศึกษาขั้นนักธรรมโทสอบผ่าน จึงได้ลาจากบ้านหันหน้าเข้าสู่กรุง เพราะมีความมาตรมุ่งหมายใส่การศึกษา “วัดธรรมาภิรตาราม”พำนักพักเนาว์เซาซ่น หลายกาลฝนดู๋เทียวได้ไปมาบ่ได้ขาด “เบญจมบพิตร”เป็นอาวาสสำนักเรียนอยู่บ่อนหั่นขยันสู้อยู่โดน การเล่าเรียนเริ่มต้นกะหนักอยู่แสนเข็น เทียว”วัดเบญฯ”จนครบสอบจบมหานั่น เป็น”มหา”ในขั่น”เปรียญสามตามฮอดสี่” “นักธรรมเอก”ก็อยู่นี่กรุงกว้างได้ฝ่าฟัน ในคราวเดียวกันนั้นได้เข้ารับการศึกษา เฮียน”บาลีเตรียมอุดม”นับว่าสมภูมิรู้ ทุ่มเทเเฮงกายสู้เเฮงใจบ่อิดหล่า ได้เข้าไปศึกษา”ปริญญาตรี”ต่อเพิ่มเสริมไว้บ่วาง จึงสำเร็จวุฒิตั้งพุทธศาสตรบัณฑิต จาก”มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย”นั้น สมกับความมุ่งมั่นขยันเพียรบ่ล้าหล่อย เป็นคติให้หนุ่มน้อยเฮาท่านได้อ่านเห็น ความสมหวังบ่ละเว้นคนที่ขยันทำ ทนตรากตรำกรำงานจึงเบิกบานขึ้นมาได้ เป็นอาจารย์สอนให้ศิษย์ทั้งหลายนับบ่ไขว้ สอนนักธรรมอีกด้วยบาลีพร้อมต่อเสริม ประสบการณ์ได้ผ่านเพิ่มบ่ถิ่มปล่อยถอยหลัง ทั้งวิชาสามัญกะหมั่นเพียรเฮียนไว้ หลายปีกายไปนั้นพรรษากาลกะเลยล่วง พระเถระทั้งปวงสารคามจึ่งเหนี่ยวน้อมนำให้สู่สถาน จั่งได้คืนสู่บ้านกํ้าฝ่ายมาตุภูมิ เป็น”สมภารคุ้มวัดกลางวาปี”พรํ่า”รองอำเภอ”ด้วย ทั้ง”เป็นอุปัชฌาย์”ช่วยคณะสงฆ์ได้ตั้งเเต่ง นับว่าบุญคักเเจ้งเเฮงขึ้นกว่าเเต่หลัง มวลกล่าวมานั้นเมื่อครั้งนานที่ พ.ศ. สิบเอ็ดนอสิบสองนับอดีตกาลเเต่คราวพุ้น เอิ้นว่าบุญหนุนให้ศรัทธาไทยได้โยยิ่ง สนองงานบ่ละทิ้งวางไว้ปล่อยไล สนองงานอยู่ใกล้”หลวงปู่สรญาณ” องค์”สมภารวัดกลาง”กะย่อนบุญมาหนุนช่วย สาธุการนำด้วยโมทนาซมซื่น จั่งได้ยอยกขึ้นเต็มตื้นกว่าที่หวัง ในขณะเมื่อครั้งรับหน้าที่ปกครองสงฆ์ ก็ยังคงศึกษาบ่ละเลยพอน้อย เรียนบาลีเสริมห้อยให้สุดทางอย่างเต็มที่ เทียวสอบอยู่หลายปีจั่งได้สมมาตรมุ่งสมสู้อยู่ซู่วัน สอบบาลีเเต่ละชั้นกะบากบั่นพอประมาณ สังฆการกะพอเเฮงตำเเหน่งรองอำเภอขั่น “เปรียญหก”จบปีนั้นเเสนเบิกบานสำราญยิ่ง ย่อนความตั้งใจจริงหมั่นศึกษาค้นคว้าเเปลป้านอ่านธรรม บัดนี้ขอกล่าวยํ้าเถิงบ่อนตอนสำคัญ คือ”จัดการศึกษาให้พระเณร”ได้เฮียนฮู้ “วัดอภิสิทธิ์”คิดเพียรสู้”สำนักเรียน”เเต่ครั้งก่อน เป็นบ่อนวางวาดไว้เติมให้ใส่ผญา วิชาการกะโฮมท้อนทั้งบาลีพร้อมพรํ่า พ่องหลักสูตรนักธรรมตรีโทเอกก่อไว้ในห้องเเห่งสถาน ผูกใบลานจารจดใช้ปิฏกไทยมีให้เบิ่ง เถิงถ้วนครบเรียบร้อยนำพร้อมซู่ประการ กับทั้งด้านฝ่ายท่าน”มหาปุ้ม ปณฺฑิโต” มีมโนใจนึกก่อเเปงเป็นเเฮงตั้ง วางรากฐานการเรียนให้สุกสดใสขึ้นกว่าเก่า นับว่าเป็นผู้เค้าเฮาท่านได้เพิ่งคุณ บ่มีทุนพอเเดงเเหล่วเเต่ทางใจนั้นเต็มเปี่ยม เทียมสุรีย์เเสงสาดฟ้านภาเเจ้งเมื่อลุน หลวงปู่ปุนเเปงสร้างถางทางให้เฮาไต่ ได้อาศัยซอกค้นจนฮู้ฮ่อมสิไป ถึง พ.ศ.สิบสี่ได้เปิดขึ้นใหม่การศึกษา คือ”บาลีสาธิตมหาจุฬา”สืบมาเดียวนี้ อาคารเรียนบ่มีซํ้าต้องอาศัยโรงธรรมศาลาหอแจกก่อน นักเรียนตอนครั้งเเต่กี้มีพร้อมบ่กี่คน ในระยะเริ่มต้นได้ซ่นฮ่มสังกะสี มีหลังคาเป็นเพิงพักบ่มีฝาเเอ้ม พอได้เเนมนำหน้าเรียนตำราบ่ได้บ่น จั่งเป็นตาหลูโตนฝนตกมาสาดย้อยเย็นจ้อยหมู่พระเณร เเสนยากเข็ญได้อดสู้ขยันดู๋บ่เปิดหน่าย ความทุกข์จนนำไล่การศึกษาว่านั้นจึงทนพรํ่าร่ำเรียน พากเพียรนำไปตามพื้นฝืนซาตาจั่งกลั้นอยู่ โอกาสมีให้ฮำฮู้คณิงไว้อย่าละเลือน หลวงปู่เฮาได้ขับเคลื่อนจนถึงที่ พ.ศ. สี่ศูนย์.นอนักเรียนรับนับประมาณบ่มีหน่อย จำนวนมีสี่ร้อยหลายเกินการสถานที่ อาคารมีบ่พร้อมจึงควรสร้างตื่มเติม หลวงปู่ได้ริเริ่มสร้างตึกใหญ่ทรงงาม สองสามปีตามเฮ็ดก็จึงเสร็จประสงค์มุ่ง

Comment