๐ พลูด่างยักษ์
๐ ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific name): Epipremnum aureum มีชื่อวิทยาศาสตร์อื่น คือ Pothos areaus, Scindapsus aureus และ Raphidophora aurea
สำหรับชื่อสกุล “Epipremnum” มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก “Epi” พมายถึง “บน” และ "premnon” “ลำตัน” ต้นไม้ในสกุลนี้อ้างอิงถึง “การเติบโตบนลำต้นของต้นไม้”
ในขณะที่ชื่อชนิดพันธุ์ “aureum” “สีทอง” นักพฤกษศาสตร์ ค้นพบพืชต้นนี้ตั้งแต่ปี 1880 หลังจากนั้นในปี 1962 ถึงมีการค้นพบว่าพืชชนิดนี้มีดอกรูปแบบสปาดิกซ์ด้วย
๐ ชื่อสามัญ (Common Name): Devil's Ivy, Devil's Vine, Golden Pothos, Ivy Arum Marble, Queen Pothos Taro Vine
๐ ชนิด (Type): ไม้เถาหรือไม้เลื้อย (Vine/Climber) พืชที่ลำต้นไม่สามารถพยุงให้ตั้งตรงได้ด้วยตนเอง ต้องเลื้อยพัน เกาะ เกี่ยว ยึด จับ หรือพันกับพืชอื่นหรือสิ่งอื่น ๆ เพื่อพยุงกิ่งหรือเถาของตนเองขึ้นไป
๐ วงศ์ (Family): Araceae
๐ ถิ่นกำเนิด (Native Range) : หมู่เกาะโซโลมอน หมู่เกาะโซไซเอตี หรืออีลเดอลาซอซีเยเต ซึ่งเป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตอนใต้ เป็นส่วนหนึ่งของเฟรนช์โปลินีเซีย
๐ ความสูงของทรงพุ่ม (Height) : 600-1,200 เซนติเมตร
๐ ความกว้างของทรงพุ่ม: 90-180 เซนติเมตร
๐ ระยะเวลาดอกบาน (Bloom Time): ออกเป็นช่อเชิงลดมีกาบ โดยกาบหุ้มดอกมีสีขาวถึงสีเหลืองอ่อนแกมเขียวอ่อน มีแกนกลางสีขาว อย่างไรก็ตามสำหรับการปลูกเลี้ยงในบ้านนั้นไม่ค่อยออกดอก แม้แต่การออกดอกในธรรมชาติก็พบได้ยาก
๐ ความต้องการแสง (Sun): แดดบางส่วน ถึง ร่มรำไร เติบโตได้ดีในพื้นที่ได้รับแสงทางอ้อมที่มีคุณภาพของแสงจ้าสว่างสดใส พยายามหลีกเลี่ยงแสงทางตรงของแดดบ่าย
๐ ความต้องการน้ำ (Water): ปานกลางถึงมาก เพียงพอต่อการรักษาความชื้นตลอดทั้งวัน และสามารถระบายน้ำออกจากวัสดุปลูกหรือกระถางปลูกได้ดี
๐ การดูแลรักษา (Maintenance): ปานกลาง ควรมีการตัดแต่งใบใบของพลูด่างที่ทิ้งใบลง อาการเริ่มมีสีเหลือง และคอยสอดส่องดูแลการพันของพลูด่างยักษ์ ขึ้นบนหลักไม้ให้พันเกาะเกี่ยว
๐ การใช้งานที่แนะนำ (Suggested Use): ปลูกเป็นไม้คลุมดิน ไม้เลื้อยเกาะใต่ผนัง ไม้กระถางประดับในร่ม ไม้กระถางที่มีหลักให้พันเกี่ยวเลื้อย ไม้กระถางปลูกแช่น้ำ ไม้เลื้อยปลูกเลี้ยงในกระเช้าแขวน (เหมาะกับต้นที่มีอายุน้อย)
๐ ใบไม้ (Leaf): มีใบเดียวรูปหัวใจ (Cordate) แผ่นใบมีส่วนกว้างบริเวณใกล้ฐานใบแล้วค่อยเรียวแหลมไปทางปลายใบ ก้านใบติดอยู่ตรงฐานใบที่เว้าเข้าไป โดยมีปลายใบเรียวแหลมปลายใบสอบเข้าหากันแล้วยื่นออกไปเล็กน้อย ผิวใบมันวาว ใบมีลวดลายแซมด้วยสีเหลือง และสีขาว ใบที่มีอายุมากจะแตกหรือแยกเป็นร่องรอยฉีก
๐ การเพาะปลูก (Culture)
ธรรมชาติของพลูด่างยักษ์ เป็นไม้อิงอาศัยการเกาะ เกี่ยว พัน ต้นไม้ที่ขึ้นสู่ที่สูงโดยลำต้นจะมีการงอกรากอากาศเพื่อใช้ในการจับพันกับต้นไม้อื่น โดยมิได้ทำร้ายหรือดูดธาตุอาหารหรือน้ำเลี้ยงจากพืชที่ตนเองเกาะเกี่ยวขึ้นไปด้วย พลูด่างเป็นพืชที่ชอบความชื้นของวัสดุปลูกสูง วัสดุปลูกควรมีความอุดมสมบูรณ์จากอินทรีย์วัตถุ มีโครงสร้างที่ระบายน้ำและถ่ายเทอากาศได้ดี และรักษาความชื้นได้ตลอดทั้งวัน แม้จะเป็นพืชที่ชอบความชื้นสูงแต่ในฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำฝนมากนั้นวัสดุปลูกต้องสามารถระบายน้ำได้ดีด้วย พลูด่างสามารถทำการขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ ซึ่งทำได้ทั้งการปักชำลงดินโดยตรงและการปักชำในน้ำ เป็นพืชที่มีการงอกรากจากการปักชำได้ง่ายมาก
๐ ปัญหา (Problems)
การปลูกในดินที่สามารถรักษาความชื้นได้ดีแต่ระบายน้ำยากอาจจะเกิดการเน่าในส่วนรากและโคนต้นติดติดอยู่กับดิน ในกรณีนี้จะถูกโจมตีและเข้าทำลายด้วยเชื้อราบางชนิดด้วย นอกจากนี้อาจมีแมลงบางชนิดเข้าทำลายด้วย เช่น เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย ไรแมงมุม ในลำต้นและใบมีผลิตแคลเซี่ยมออกไซด์เลทเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงจำพวกสุนัขและแมว
๐ คติความเชื่อแต่โบราณนานมาเรียกขานคนที่ปลูกอะไรก็งาม ปลูกอะไรก็ขึ้นว่าเป็นคน “มือเย็น” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Green Thumb” หรือพวกหัวแม่โป้งเขียว ก็คือคนมือเย็นน้่นเอง
๐ Muuyehn Studio หรือ มือเย็น สตูดิโอ เป็นช่องที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจให้คนทั้งมือเย็น มือไม่เย็น มืออุ่น มือร้อน มือไหนๆ ก็ปลูกต้นไม้ได้งอกงามดี ขอแค่ทำความรู้จักและรักที่จะปลูก
ถึงปลูกแล้วตาย ปลูกแล้วโตช้าก็อย่าได้แคร์ ขอให้ปลูกกันต่อไปนะครับผม