#เทคนิคการเป็นพิธีกร บรรยายถวายความรู้ โดย พล.ต.นเรศร์ จิตรักษ์ (ป.ธ.๘, พธ.บ.)
*** ฟังแบบต่อเนื่อง โดยไม่มีโฆษณาคั่น ***
เทคนิคการเป็นพิธีกร MC - Master of Ceremonies
(ศาสนพิธีกร MRC - Master of Religious Ceremonies)
โดย พลตรี นเรศร์ จิตรักษ์ อดีตอนุศาสนาจารย์กองทัพบก
บรรยายแก่พระภิกษุ-สามเณร ผู้เข้ารับการอบรม
โครงการอบรมพระนักเทศน์ (ในช่วงเข้าพรรษา)
สืบสานตำนานสาลิกาป้อนเหยื่อ รุ่นที่ ๒๔
ณ วัดประยุรวงศาวาส เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร
--------***---------***--------
อนุศาสนาจารย์ (คำสนธิ : อนุ - สาสน - อาจริย)
อะนุสาสะนาจาน, อะนุสาดสะนาจาน / อังกฤษ : Chaplain
หมายถึง_อาจารย์ผู้อบรมศีลธรรมของหน่วยราชการ (ทหาร)
ประวัติความเป็นมา
พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๖ พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระผู้พระราชทานกำเนิดอนุศาสนาจารย์กองทัพไทย
" อนุศาสนาจารย์ " เป็นคำเรียกชื่อนายทหารผู้ปฏิบัติงาน
ด้านศาสนาในกองทัพ ตามพระราชานุมัติ
ของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๖
พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานกำเนิด
กิจการอนุศาสนาจารย์ขึ้นในกองทัพไทย
เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ปีพุทธศักราช ๒๔๖๑
โดยทรงตระหนักถึงความจำเป็นทีต้องมีอนุศาสนาจารย์
ติดตามกองทหารอาสาไปช่วยราชสัมพันธมิตร
ในงานพระราชสงคราม ทั้งนี้เพื่อทำหน้าที่ปลุกใจทหาร
เป็นที่พึ่งทางใจและนำปฏิบัติศาสนกิจแก่ทหาร
ตามพระราชปรารภ ความตอนหนึ่งว่า
"…ทหารที่ออกจากบ้านเมืองไปคราวนี้ ต้องอยู่ถิ่นไกล
ไม่ได้พบเห็นพระเหมือนอยู่ในบ้านเมืองตน
จิตใจจะเหินห่างจากธรรม
ถึงยามคึกคะนองก็จะฮึกเหิมเกินไป
ถึงคราวทุกข์ร้อนก็อาดูรระส่ำระสาย
ไม่มีใครคอยช่วยปลดเปลื้องบันเทาให้
ถ้ามีอนุศาสนาจารย์ออกไปจะได้คอยพร่ำสอน
และปลอบโยนปลดเปลื้องในยามทุกข์ "
โดยมีอำมาตย์ตรี พระธรรมนิเทศทวยหาญ
( อยู่ อุดมศิลป์ ) เป็นปฐมอนุศาสนาจารย์
--------***---------
ประวัติ...พระธรรมนิเทศทวยหาญ
(สำนวนเขียนภาษานิยมสมัยก่อน)
นามเดิม อยู่ สกุล อุดมศิลป์
เกิดเมื่อ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๒๔
อำเภอหัวลำโพง จังหวัดพระนคร
เมื่อยังเยาว์ มารดาบิดาได้จัดให้ศึกษาอักขรสมัยเบื้องต้น
ที่บ้านก่อน ต่อมาจึงนำฝากให้เรียนเพิ่มเติม
ในสำนักวัดเทพศิรินทร์ อายุได้ ๑๒ ขวบ
บรรพชาเป็นสามเณรในสำนักนั้น
พระธรรมไตรโลกาจารย์ (เดช)
เมื่อยังเป็นพระเทพกวี เป็นพระอุปัชฌายะ
ครั้นบวชแล้วคงอยู่ศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักนั้น
จนจบชั้นเปรียญโท ถึงปีกุน พ.ศ.๒๔๔๒
สอบได้เปรียญเอก เทียบ ๗ ประโยค
มหามกุฏราชวิทยาลัย ตั้งให้เป็นครูเอก
ที่โรงเรียนบาลีวัดเทพศิรินทร์ในศกนั้นด้วย
ลุปีขาล พ.ศ.๒๔๔๕ มีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์
อุปสมบท ณ วันที่ ๘ กรกฎาคม
มีนิยมนามตามภาษามคธว่า เขมจาโร
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ครั้งนั้นยังเสด็จดำรงพระยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ
กรมหมื่นฯ เป็นพระอุปัชฌายะ
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวโร เจริญ)
ยังดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชมุนี เป็นพระอุปสัมปทาจารย์
อุปสมบทแล้ว คงอยู่ในพระอารามนั้น
ไปศึกษาเล่าเรียนในสำนักสมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เข้าแปลพระปริยัติธรรม
ณ สนามวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้ประโยค ๘ ในปีนั้น
รุ่งขึ้น พ.ศ.๒๔๔๖ แปลได้ประโยค ๙
ถึง พ.ศ. ๒๔๕๒ ทรงตั้งเป็นพระอมราภิรักขิต
ที่พระราชาคณะผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์
ในฝ่ายเทศนาก็ทรงตั้งให้เป็นคณาจารย์เอก
และสมเด็จพระมหาสมณเจ้า
โปรดให้เป็นกรรมการสนามหลวง
และกรรมการในมหาเถรสมาคมด้วยองค์หนึ่ง
ต่อมาขอพระบรมราชานุญาตลาสิกขา
ณ วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๙
เข้ารับราชการในกรมราชบัณฑิต กระทรวงธรรมการ
(กระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน)
ได้รับพระราชทานยศเป็นรองอำมาตย์ตรี
ต่อมา เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๑
ได้รับพระบรมราชโองการให้เป็นอนุศาสนาจารย์
ไปกับกองทัพในราชการสงคราม
ประจำ ณ กองทูตทหารกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
และเมื่อเสร็จสิ้นสงครามแล้ว เดินทางกลับมา
ได้รับการโอนไปเป็นหัวหน้ากองอนุศาสนาจารย์
และได้รับพระราชทานยศเลื่อนเป็น รองอำมาตย์เอก
และอำมาตย์ตรี พระธรรมนิเทศทวยหาญ
สังกัดกระทรวงกลาโหม
เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๒
นับเป็นปฐมอนุศาสนาจารย์ของกองทัพไทย