#ธรรมทานประเสริฐที่สุด
“......ดูกรสุภูติ หากชายคนหนึ่งทำทานโดยการ
ถวายทานด้วยสมบัติกองสูงเท่ากับภูเขาพระสุเมรุทั้ง
จักรวาลมารวมกัน ส่วนอีกคนหนึ่ง รับฟังคำสอนไว้
ในใจ อ่าน เรียนรู้ จดจำ แล้วสั่งสอนผู้อื่น
บุญกุศลของชายคนแรกยังไม่มากเท่าหนึ่งใน
ร้อย หนึ่งในพัน หนึ่งในแสน ของบุญกุศลที่ชายคน
ที่สองได้รับ เพราะไม่สามารถจะเปรียบกันได้เลย”
...ธรรมทานประเสริฐที่สุด...
ยกเว้นพระพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว
แม้พระสาวกทั้งหลาย มีพระสารีบุตร เป็นต้น
ผู้เป็นเลิศด้วยปัญญาญาณ สามารถนับเม็ดฝนที่ตกอยู่ตลอดกัปได้
ก็ยังไม่สามารถจะบรรลุอริยผล มีโสดาปัตติผล เป็นต้น โดยลำพังตนเองได้
ต่อเมื่อได้ฟังธรรม จากพระอัสสชิเป็นต้นแล้ว จึงทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล
และบรรลุธรรมสูงสุด ด้วยพระธรรมเทศนาของพระบรมศาสดา
เพราะเหตุนี้ "ธรรมทานจึงประเสริฐที่สุด"
......การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง......
......รสแห่งธรรมชนะรสทั้งปวง......
......ความยินดีในธรรมชนะความยินดีทั้งปวง......
......ความสิ้นไปแห่งตัณหาชนะทุกข์ทั้งปวง......
......ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้พระนิพพานแก่คนทั้งหลาย......
......องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า_เสด็จประทับอยู่ในเชตวันมหาวิหาร ณ กรุงสาวัตถี
ในเวลานั้นพระสารีบุตรเถระเจ้า มีความประสงค์ว่า จักทูลถามพระพุทธเจ้าให้ทรงแสดงธรรม
ประกาศอานิสงส์สร้างพระไตรปิฎก ให้ทราบทั่วถึงกันแก่พุทธบริษัทพระเถระเจ้าก็เข้าเฝ้าทูลถาม แก่พระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า
"ว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าชนทั้งหลายให้พุทธศาสนายืนยาวถึง ๕ พันวัสสา
จะมีอานิสงส์เป็นประการใด พระพุทธเจ้าข้า "
......พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า......
......"ดูกรท่านสารีบุตร ถ้าชนทั้งหลายมีจิตรศรัทธาเลื่อมใสเช่นนั้นแล้ว
เมื่อตายไปแล้วก็จักรได้เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชถึง ๘ หมื่น ๔ พันกัลป์
ใช่แต่เท่านั้น
......เมื่อเคลื่อนจากความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิแล้ว ก็จะได้เป็นพระราชา มีอนุภาพอีก ๙ อสงไขย
......ต่อจากนั้นก็ได้เสวยสมบัติในตระกูลต่าง ๆ เป็นลำดับไป คือตระกูลพราหมณ์มหาศาล ตระกูลเศรษฐีคฤหบดี
และเป็นภูมิเทวดาอากาศเทวดา อย่างละ ๙ อสงไขย
......ต่อแต่นั้นก็จะได้เสวยในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น เป็นลำดับไปชั้นละ ๘ อสงไขย
......เมื่อ จุติจากชั้นเทวโลกแล้ว มาถือกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะมีร่างกายบริสุทธิ์ผุดผ่อง
เป็นที่รักใคร่แก่คนทั้งหลายที่ได้พบเห็นทั้งน้ำใจก็บริสุทธิ์
สุจริตปราศจากบาปธรรมอกุศลทั้งปวง
และเป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดรอบรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม
......ดังนี้เป็นต้น ดูกรท่านสารีบุตร เมื่อตถาคตสร้างบารมีอยู่ได้เกิดเป็นอำมาตย์ของพุทธบิดา
แห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปุราณโคดม
......ได้สร้างพระไตรปิฎกไว้ให้สืบองค์ได้ตั้งความปรารถนา ขอตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งเถิดในอนาคตกาลโน้น
สมเด็จพระปุราณโคดมบรมศาสดาทรงพยากรณ์ไว้ว่า อำมาตย์ผู้นี้ต่อไปภายภาคหน้า จะได้ตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง
มีพระนามว่า พระสมณโคดมก็คือพระตถาคตเรานี้เองดังนี้แล"
ก็สิ้นสุดพระกระแสธรรมเทศนา ที่พระบรมศาสดาทรงแสดงแก่พระสารีบุตรเถระเจ้าแต่เพียงเท่านี้......
ลงโดย "บัวใต้น้ำ"