แม่ร้องสื่อ ลูกสาววัย 16 ถูกเพื่อนบ้าน 4 คน หลอกรุมโทรม 4 เดือนคดีไม่คืบ ญาติผู้ก่อเหตุข่มขู่ พี่สาวคนก่อเหตุท้าแจ้งนักข่าว สำนักไหนก็ไม่กลัว ซ้ำ รร.กดดันไม่ให้แจ้งความ ทำผู้เสียหายเครียด กรีดแขนตัวเอง
พลเมืองดีแจ้งเรื่องร้องเรียนมาที่เพจโหนกระแส ขอความช่วยเหลือให้กับ 2 แม่ลูก ที่ อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา หลังลูกสาววัย 16 ปี ถูกเพื่อนบ้านเป็นชาย 4 คน อายุ 20-27 ปี หลอกไปที่บ้านแล้วรุมโทรม แม่พาไปแจ้งความหลังเกิดเหตุ ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน แต่คดีไม่มีความคืบหน้า แถมผู้ต้องหาไม่ถูกจับ ยังตั้งวงนั่งดื่มน้ำกระท่อมกันอย่างสบายใจ
เหตุการณ์เริ่มตั้งแต่ 18.00 น.ของวันที่ 28 เม.ย. 2566 ขณะที่ น.ส.เอ นามสมมติ ผู้เสียหาย พักผ่อนอยู่ที่บ้าน มีนายภูวนาท หรือ ต่อ โทรศัพท์ผ่านแอปพลิเคชั่นแมสเซนเจอร์ มาชวนไปนั่งเล่นที่บ้าน อ้างว่า นายต้อง แฟนของผู้เสียหายอยู่ที่บ้าน ต่อจะช่วยเป็นกาวใจเคลียร์ปัญหาให้ เรื่องที่ น.ส.เอ มีปัญหากับแฟน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงไปขออนุญาตแม่ แม่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์พาไปส่ง แล้วนายต่อบอกว่า จะย้ายไปคุยกันที่บ้านของนายอดิศร หรือ เพชร จากนั้นก็พา น.ส.เอ ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไป ก็เจอนายเพชร, นายวรเมธ หรือ โอเว่น และนายนนทกานต์ หรือ เอิร์ท ตั้งวงดื่มสุรากันอยู่ แต่ไม่เจอแฟนผู้เสียหาย ซึ่งผู้ก่อเหตุอ้างว่า เดี๋ยวมา และให้ น.ส.เอ นั่งร่วมวงดื่มสุรา
กระทั่ง 21.00 น. น.ส.เอ เริ่มเมา นายต่อก็ชวน น.ส.เอ ซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปซื้อน้ำแข็งที่ร้านสะดวกซื้อ อยู่ห่างจากบ้านที่นั่งดื่มประมาณ 8 กิโลเมตร ระหว่างที่ซ้อนรถ น.ส.เอ ถูกนายต่อลวนลามตลอดทาง เมื่อซื้อน้ำแข็งเสร็จก่อนกลับถึงบ้านที่นั่งดื่ม แค่ 2 กิโลเมตร นายต่อจอดรถริมถนนสายพิมาย-หินดาด แล้วบังคับขืนใจ น.ส.เอ แล้วพากลับบ้านนายเพชร เพื่อไปดื่มสุราต่อ แต่ไม่เจอใครอยู่ที่บ้าน
น.ส.เอ จึงขอให้นายต่อพากลับไปส่งบ้าน แต่นายต่อไม่ยอม กลับอุ้มเข้าไปในบ้านแล้วขืนใจอีก 1 ครั้ง จากนั้นนายเอิร์ธ นายเพชร และนายโอเว่น ก็ผลัดกันเข้ามาขืนใจ แล้วออกไปนั่งดื่มสุรากันต่อ กระทั่งเวลา 02.00 น. น.ส.เอ โทรศัพท์เรียกแม่ให้มารับกลับบ้าน แม่เห็นลูกมีอาการผิดปกติ จึงเค้นถามกระทั่งรู้ความจริงทั้งหมด ก่อนจะพาลูกเข้าแจ้งความที่ สภ.ห้วยแถลง ในวันที่ 30 เม.ย. 2566
หลังจากนั้น ตำรวจได้เรียกตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คน ไปสอบปากคำเกี่ยวกับการกระทำชำเรา และรุมโทรม ก่อนจะแนะนำให้ไกล่เกลี่ยกัน เบื้องต้นให้ชดใช้เป็นเงิน 500,000 บาท แต่ตกลงกันไม่ได้ ตำรวจแนะนำในจำนวน 300,000 บาท จากนั้นได้แนะนำให้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลห้วยแถลง ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า ผลตรวจจะออกวันที่ 8 พ.ค. 2566 เมื่อถึงวันนัด โรงพยาบาลไม่ให้ผลตรวจกับผู้เสียหาย บอกว่า ผลตรวจเป็นความลับระหว่างโรงพยาบาลกับโรงพัก
จากนั้นตำรวจก็ไม่เรียกสอบผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คนเพิ่มแต่อย่างใด ไม่ออกหมายจับ ไม่แจ้งความคืบหน้าทางคดี แถมยังพยายามบอกให้ผู้เสียหายยอมความ โดยรับค่าเสียหายไป ขณะเดียวกัน มีญาติๆ ของฝ่ายผู้ก่อเหตุ พยายามมาคุกคาม ข่มขู่ ผู้เสียหาย จนเครียด แล้วย้ายหนีออกจากหมู่บ้าน ญาติผู้ก่อเหตุยังตามไปอีกหมู่บ้าน แล้วเรียกชาวบ้านร้านตลาดออกมา บอกให้ช่วยคุยกับผู้เสียหาย ให้ยอมความ รับเงินไป คดีจะได้จบ เพราะไม่อยากให้ลูกหลานมีคดีติดตัว ทำให้ผู้เสียหายอับอาย เครียด ถึงขั้นช็อก จนต้องหามส่งโรงพยาบาล
ทีมข่าวรายงานว่า น.ส.เอ เครียดจนกรีดแขนตัวเอง บอกว่า หนูไม่อยากอยู่แล้ว เหนื่อยเหลือเกิน ไปเรียนวันนี้ ครูกับ ผอ.บอกว่าอย่าไปร้องสื่อเลย เดี๋ยวจะเสียชื่อโรงเรียน น.ส.เอ กลับมาบ้าน เครียดมาก ร้องไห้ไม่หยุด ถูกกดดันหลายทาง ทางผู้ต้องหาน่าจะแจ้งทางโรงเรียนว่าน้องจะร้องสื่อ ผอ.กับครูจึงเรียก น.ส.เอ เข้าห้องปกครองไปคุย
ครอบครัวของผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า จนถึงทุกวันนี้ทางกลุ่มของผู้ต้องหาก็ยังตั้งวงเหล้า ดื่มน้ำท่อมกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 4 คนนี้ก็อยู่ละแวกบ้านของผู้เสียหาย และถูกญาติฝั่งผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ข่มขู่ คุกคาม จนผู้เสียหายเข้าโรงพยาบาลเป็นเดือน เมื่อออกจากโรงพยาบาลมา ก็มาพูดยั่วยุ ถากถาง แถมขู่จ้างทนายฟ้องกลับ เพราะทำให้อับอาย พี่สาวของหนึ่งในผู้ต้องหา พูดลั่นต่อหน้าผู้ใหญ่บ้านว่า นักข่าวสำนักไหนจะมาก็มาเลย ไม่กลัวหรอก แถมชี้หน้าด่า น.ส.เอ บอกว่านักข่าวมา น้องคงไม่อายหรอก เพราะหน้าด้าน แถมยังให้คนเอาเรื่องที่น้องถูกข่มขืนไปปล่อยข่าวที่โรงเรียน
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://ch3plus.com/news/crime/middaynews/364016
-------------------
เที่ยงวันทันเหตุการณ์ วันที่ 30 สิงหาคม 2566
ออกอากาศ ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ 11.20 - 12.35 น.
#เที่ยงวันทันเหตุการณ์ (MiddayNews)
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารก่อนใครได้ที่นี่
ch3plus : https://ch3plus.com/news/programs/middaynews
facebook : https://www.facebook.com/3PlusNews
Twitter : https://twitter.com/3PlusNews
YouTube : https://www.youtube.com/c/3PlusNews
TikTok : https://www.tiktok.com/@3plusnews