มะลิ...ฝรั่งหัวใจเพื่อเด็กไทย!!
"มะลิ" หรือฟรานเซส วัฒนะยา สาวชาวแคนาดา ผู้หลงเสน่ห์มวยไทย ถึงกับลงทุนทำงานเก็บเงิน ก่อนบินลัดฟ้ามาเมืองไทย เพื่อเรียนรู้และหาประสบการณ์เกี่ยวกับมวยไทยอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 19
...และราวกับบุพเพสันนิวาส ทำให้เธอโคจรมาพบกับ "บุ๋ม" ธนิต วัฒนะยา ที่ซ้อมมวยอยู่ค่ายเดียวกันในขณะนั้นที่กรุงเทพฯ แม้จะพูดคนละภาษา แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความรัก ในที่สุด ทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน
...หลังแต่งงาน มะลิและบุ๋มกลับไปใช้ชีวิตครอบครัวที่ จ.บุรีรัมย์ ต่อมา มะลิรู้สึกอยากกลับไปเรียนหนังสือต่อที่แคนาดา เพราะคิดว่า ตนเองอายุ 20 แล้ว ถ้าไปเรียนต่อ ชีวิตน่าจะดีกว่าการชกมวยที่ได้ค่าตัวครั้งละ 1,000-2,000 จึงตัดสินใจชวนบุ๋มไปแคนาดาด้วยกัน
...ระหว่างเรียนอยู่แคนาดา บุ๋มก็ทำงานไป และทั้งคู่ก็ได้ทายาทตัวน้อยเป็นลูกสาวที่นั่น หลังมะลิเรียนจบมหาวิทยาลัย ยังไม่ทันมีงานทำ บุ๋มเป็นห่วงพ่อที่อยู่เมืองไทย จึงตัดสินใจชวนมะลิกลับมาเยี่ยมพ่อ และอยู่เมืองไทยยาวจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 6 ปีแล้ว
...หลังกลับมาใช้ชีวิตอยู่เมืองไทย มะลิทำงานเป็นครูอยู่ระยะหนึ่ง ส่วนบุ๋มไปสอนมวยที่ต่างประเทศบ้าง ด้วยความเป็นนักมวย มะลิจึงชอบซ้อมมวยอยู่หน้าบ้านยายอ่อง แม่ของเทรนเนอร์ที่เคยสอนมวยไทยให้มะลิ เมื่อเด็กๆ ในหมู่บ้านเห็นเข้า จึงชอบใจ ต่างพากันมาขอซ้อมกับมะลิด้วยหลายคน
...ในที่สุด มะลิได้ปรึกษาบุ๋ม ก่อนตัดสินใจเปิดค่ายมวย เพื่อสอนมวยไทยให้เด็กๆ ที่สนใจและขาดโอกาสโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เหตุผลที่เปิดค่ายมวย เพราะต้องการให้เด็กๆ ห่างไกลจากยาเสพติด ขณะที่บุ๋มบอกว่า ตนเองอยากชกมวยตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีค่ายมวย ไม่มีเทรนเนอร์ ต้องเอากระสอบปุ๋ยใส่แกลบข้าวใส่ถุงปุ๋ยซ้อมอยู่คนเดียว จึงอยากเปิดค่ายมวยให้เด็กได้มีโอกาสตรงนี้ ซึ่งจนถึงปัจจุบัน เปิดค่ายมวยมา 6 ปีแล้ว มีเด็กในค่ายเกือบ 20 คน มีทั้งเด็กที่มาซ้อมมวยแบบไป-กลับ และเด็กที่พักอยู่กับมะลิเลย ซึ่งมะลิให้การดูแลเด็กๆ ทุกอย่าง
...ทุกวัน มะลิต้องตื่นแต่เช้า ตี 5 เพื่อพานักมวยเด็กไปวิ่งออกกำลัง หาข้าวหาอาหารให้กิน หลังจากนั้นขับรถปิคอัพพาเด็กๆ ไปโรงเรียน กลับจากส่งเด็กๆ มะลิก็ต้องทำงาน ทั้งงานเขียนข่าว งานที่ต้องติดต่อผู้สนับสนุน ในฐานะผู้จัดการนักมวยด้วย นอกจากนี้มะลิยังต้องซักผ้าวันละ 3-5 รอบ เพราะเด็กเยอะ ต้องซักทั้งชุดนักเรียน ชุดซ้อมมวย ฯลฯ ตกบ่าย ก็ต้องไปจ่ายตลาด เพื่อมาทำกับข้าวให้เด็กๆ กิน ขับรถพาเด็กไปซ้อมมวยที่ค่าย ซึ่งอยู่ในเขต จ.นครราชสีมา รอยต่อ จ.บุรีรัมย์ ซ้อมเสร็จ ก็ส่งเด็กๆ กลับบ้านแต่ละบ้าน ส่วนเด็กๆ ที่พักอยู่กับมะลิก็พากลับบ้านหาข้าวกินกัน ก่อนซักผ้าและทำงานอะไรที่ยังไม่เสร็จต่อ …ดูแล้ว งานของมะลิแทบไม่ต่างจากแม่ของลูกๆ เลยทีเดียว!!
...ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา มะลิต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างแทนเด็กๆ เวลาพาเด็กๆ ไปชกมวยแต่ละครั้ง มะลิก็ไม่หักค่าตัวเด็กสักบาท แถมยังสอนให้เด็กๆ เก็บออมเงินที่ได้จากการชกอีกต่างหาก เรียกได้ว่า มะลิช่วยให้เด็กได้ทั้งสุขภาพที่ดี และมีรายได้จุนเจือครอบครัว
...สำหรับบุ๋ม ต้องไปสอนมวยไทยในต่างประเทศเป็นเวลาหลายเดือนในแต่ละปี เพื่อหารายได้ช่วยมะลิเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กๆ ในค่าย เพราะลำพังงานที่มะลิรับจ๊อบอยู่ คงไม่เพียงพอ โชคดีที่มีเพื่อนๆ เห็นคลิปมะลิสอนมวยไทยให้เด็กฟรี จึงช่วยบริจาคสนับสนุนอุปกรณ์ให้เด็กๆ อยู่บ้าง
...เพื่อนบางคนที่ต่างประเทศบอกว่า มะลิเอาชีวิตมาทิ้งที่เมืองไทย เพราะอยู่เมืองไทยลำบากกว่าอยู่แคนาดา อยู่ที่นี่ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีหลักประกันใดๆ แต่มะลิเลือกแล้วที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่!!
...เราอดถามไม่ได้ว่า แล้วที่ทำค่ายมวย สอนเด็กๆ ฟรี พาชกฟรีไม่หักค่าตัวสักบาทแบบนี้ ทำไปเพื่ออะไร? มะลิตอบว่า "อยากเห็นเด็กๆ มีความสุข มีชีวิตที่สบาย มีตังค์ใช้ และยืนระยะยาวได้ สิ่งที่ภูมิใจมากก็คือ การได้เห็นเด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น"
...”ถ้าเด็กๆ โตขึ้น แล้วทิ้งมะลิไป มะลิก็จะเปิดค่ายสอนมวยเด็กแบบนี้ต่อไป แม้เหลือเด็กแค่คนเดียว มะลิก็จะยังอยู่ตรงนี้" และไม่เคยคิดทำตรงนี้เป็นธุรกิจ เพราะอยากใช้เวลาดูแลเด็กๆ อย่างเต็มที่
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ทุกวันเสาร์ เวลา 9.00-9.30 น.
ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 (IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211)
และ Facebook Live ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.facebook.com/KonJingJaimaitor
รับชมรายการย้อนหลังได้ทางยูทูบ ฅนจริงใจไม่ท้อ
https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos