เปิดใจ 2มุม พยาบาลถูกตบ รับเสียงดังจริง เผยเตือน 3ครั้งแล้ว ฝ่ายเมียมือตบ รับผัวผิด แต่ขอให้พูดจาดีๆ

ในรายการโหนกระแส วันนี้ มีการเชิญพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ ถูกญาติคนไข้ตบมาร่วมรายการ พร้อมกับ ผอ.โรงพยาบาล สสจ.ระยอง และ นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมกับ โฟนอิน พยาบาลที่ถูกทำร้าย ช่วงหนึ่งบอกว่าจะเดินหน้าดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วนภรรยาของคนที่ทำร้าย โฟนอินเข้ามาเหมือนกัน ยอมรับผลที่สามีทำ พร้อมเข้าสู่กระบวนการ แต่ก็อยากให้พยาบาลพูดจาดีดีกับคนไข้ทุกรายด้วย

ในรายการโหนกระแสวันนี้เริ่มต้นด้วยการให้พยาบาล 2 คน ชื่อ สา และ สาว 2 พยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้ง 2 คน ไล่เรียงว่า คนไข้ เป็นแม่ย่าของผู้ก่อเหตุ ถูกส่งตัวต่อมาจากโรงพยาบาลอื่นด้วยอาการป่วยไข้หวัดสายพันธ์ A ติดเชื้อจนต้องเข้าห้องปลอดเชื้อใน ICU

การเตือนครั้งแรกเกิดขึ้น 18.00น. ผู้ชายคนก่อเหตุเดินเข้ามาพร้อมกับเด็ก 1 คน พยาบาลชื่อสาว จึงเตือนว่า "ญาติคะไม่ควรนำเด็กเข้ามานะคะ เพราะ คนไข้เป็นคนไข้ติดเชื้อเดี๋ยวจะติดเด็กได้ ถ้าเป็นไปได้ควรฝากไว้กับญาติคนอื่นก่อน" ผู้ก่อเหตุ ตอบกลับว่า "อ๋อคนไข้ติดจากลูกชายนี่ละครับ" พยาบาลชื่อสาวจึงตอบว่า "โอเคงั้นไม่เป็นไร แต่ว่าตอนนี้ยังเยี่ยมไม่ได้ พยาบาลกำลังเช็ดตัวคนไข้อยู่ ให้ไปรอด้านนอกก่อน และคนห้องICUมีคนติดเชื้อดื้อยาเยอะไม่ควรนำเด็กเข้ามา"

การเตือนรอบที่ 2 ภรรยาของผู้ก่อเหตุ ชื่อ คุณหนู พาเด็กเข้ามา กำลังจะเปิดประตูห้องปลอดเชื้อเข้าไปเยี่ยมผู้ป่วย พยาบาลชื่อปราย(คนที่ถูกตบ) เดินสวนออกมาหลังเช็ดตัวคนไข้เสร็จ จึงแจ้งห้ามญาติพาเด็กเข้าเยี่ยม

และถัดจากนั้น รอบที่ 3 ผู้ก่อเหตุ เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง จะเข้าไปในห้องปลอดเชื้อซ้ำ คราวนี้เจอพยาบาลชื่อ สา ก็บอกว่า "เข้าห้องปลอดเชื้อไม่ได้นะคะ"

จากนั้นฝ่ายผู้ก่อเหตุเดินเข้ามาในเคาวน์เตอร์ ให้ยืนรอด้านนอกเคาวน์เตอร์ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ฟัง ถามหาพยาบาลคนที่ต่อว่าภรรยาตัวเอง ซึ่งเมื่อพยาบาลชื่อปรายแสดงตัว ก็ถูกตบทำร้ายตามคลิปวงจรปิดที่ออกมาก่อนหน้านี้

ทั้งหมดนี้คือลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ที่นี่ในรายการโหนกระแสมีการต่อสายหา พยาบาลชื่อปราย คนที่ถูกตบ เพื่อถามว่า การเตือนครั้งที่ 2 สรุปเตือนด้วยน้ำเสียงแบบใด เพราะ บางกระแสบอกว่า พยาบาลพูดจาไม่ดี

พยาบาลปราย ยอมรับว่าเสียงที่เตือน เธอใช้น้ำเสียงดังกว่าปกติ และก่อนจะเตือน ทราบจากพยาบาลอีกคนแล้วว่า มีการเตือนไปก่อนหน้านั้นแล้ว ทำให้ใช้น้ำเสียงที่ดุกว่าเดิม

โดยเธอบอกว่า ญาติคะเอาเด็กเข้ามาไม่ได้นะคะ พร้อมชี้ให้ญาติดูว่า นี่ขนาดคุณแม่คุณเป็นผู้ใหญ่ยังติดหนักเชื้อลงปอดขนาดนี้เลย แล้วถ้านอกติดเชื้อลงปอดน้องจะอาการแย่ขนาดไหน ตอนนี้แม่คุณอะก็อาการไม่ดีนะ ถ้าคุณต้องสูญเสียทั้ง 2 คนไปอะ คุณรับได้หรอ แล้วก็บอกว่าถ้ารับไม่ได้ให้เอาเด็กออกไป

พี่หนุ่ม ถามว่า น้ำเสียงที่ใช้ดังกว่าที่พูดให้ฟังหรือไม่ พยาบาลปรายบอกว่า ดังกว่านี้ เพราะ คิดว่า เราพูดคุยกันไปแล้ว 1 รอบ เตือนแล้ว ญาติยังพาน้องเข้ามา จึงมองว่าญาติขาดความตระหนักรู้ ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก กับคนอื่นๆ มันร้ายแรงขนาดไหน จึงใช้เสียงดังในการเตือน

ยอมรับว่าปกติ ไม่ใช่คนเสียงดัง แต่เคสนี้เพราะกลัวเด็กติดโรคจึงใช้เสียงดัง และห้องปลอดเชื้อเปิดเข้าออกตลอด จึงกลัวเรื่องการแพร่กระจายเชื้อโรคด้วย

ขณะที่ในช่วงออนไลน์ มีการต่อสายหา คุณหนู ภรรยาของผู้ก่อเหตุ เธอเล่าเหตุการณ์ในมุมของตัวเอง โดยบอกว่า 18.00น. รอบแรก สามีอุ้มลูกเข้าไปจะไปเยี่ยมคุณยาย จากนั้นพยาบาลคนแรกบอกว่าไม่อยากให้เอาเด็กเข้ามา สามีจึงตอบกลับไปว่า "อ๋อคนนี้แหละเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เขาหายแล้ว ยายติดจากเขานี่แหละ แล้วเขาเป็นหลานคนโปรด ก็เลยอยากให้ยายเห็น ยายจะได้ใจชื้นขึ้นมา" คุณหนูบอกว่า ตอนนั้น คนไข้อาการไม่ดีเลย โคม่า แพทย์แจ้งว่า โอกาสหายจะรอด 50% ยังมากไปด้วยซ้ำ จากนั้นพยาบาล บอกว่าได้ แต่ตอนนี้เช็ดตัวอยู่ สามีเธอจึงพาลูกออกมา เธอ และสามี จึงเข้าใจว่า เป็นการขออนุญาตแล้ว

จากนั้น 18.30 น. เธอจึงพาลูกเข้าไปเอง ไปยืนอยู่หน้าห้องกระจก เพราะ เข้าไปในห้องไม่ได้ แต่พยาบาล(ปราย) เดินออกมาจากห้อง ถอดหน้ากาก ชักสีหน้า และ พูดว่า "สูญเสียแม่คนหนึ่งยังไม่พอ อยากจะสูญเสียลูกอีกคน ยอมรับได้ใช่ไหมพาออกไปเดี๋ยวนี้" ด้วยน้ำเสียงรุนแรง กระแทกกระทั้น

ท้ายที่สุดเธอพาลูกออกจากห้องมา โดยที่ลูกยังพูดเลยว่า "ทำไมพี่พยาบาลดุเราหล่ะแม่ ไม่ขอโทษหนูด้วย" เมื่อเจอพ่อ ลูกก็เล่าให้พ่อฟัง และตัวเธอก็บอกสามีว่าให้กลับบ้านกันเถอะ เขาไม่ให้เด็กเข้า ค่อยมาเยี่ยมวันอื่น และให้สามีเข้าไปดูแม่อีกครั้งก่อนกลับ และจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นตามคลิป

คุณหนู ยังบอกอีกว่า เธอขอโทษ พยาบาลปราย โรงพยาบาล และคนไทยทุกคน เรื่องที่เกิดขึ้น เธอได้ต่อว่าสามีตัวเองด้วย เพราะ ทราบดีว่าแม้พยาบาลจะพูดจาไม่ดีแต่สามีก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายร่างกายเขา

นอกจากนี้ เธอยังบอกว่า ตอนนี้สามีรู้สึกผิดด้วย ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น ขอแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.เรื่องความผิดที่ทำร้ายร่างกาย ไม่มีข้อแก้ตัวใดใด พร้อมรับผิด รับผลที่ตามมา และพร้อมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

2.เธอมองว่าเจ้าหน้าที่รัฐ บุคลากรทางการแพทย์ เวลาที่ชาวบ้านไป ตาสีตาสาไป ก็อยากให้พูดกับเขาดีดี เข้าใจว่า พยาบาลเหนื่อยเคสเยอะ แต่สภาพจิตใจของคนไปเยี่ยมก็แย่อยู่แล้ว บางคนญาติอาการหนัก จึงอยากให้พูดกันดีดี ย้ำว่าไม่ได้หมายถึงเคสนี้เคสเดียว แต่หมายถึงรวมๆ

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://ch3plus.com/news/social/ruangden/433455

-------------------

เรื่องเด่นเย็นนี้ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568
ออกอากาศ ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ 16.30 - 18.00 น.

#เรื่องเด่นเย็นนี้ (Ruangden News )
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารก่อนใครได้ที่นี่
ch3plus : https://ch3plus.com
facebook : https://www.facebook.com/3Plusnews
Twitter : https://twitter.com/3Plusnews
YouTube : https://www.youtube.com/c/3PlusNews
Tiktok : https://www.tiktok.com/3plusnews