MENU

Fun & Interesting

บรรยาย​ธรรม​วันพระ​ 20-02-68 วัดทุ่งเขา จ.ตราด

Noo_opal 32 4 days ago
Video Not Working? Fix It Now

1. ความเชื่อที่หนักแน่นในสิ่งที่ถูกต้อง 2. สมาธิ คือ ความตั้งมั่น 3. วันคืนล่วงไปๆ บัตรนี้เราทำอะไรอยู่ ตักเตือนให้สำนึกในสิ่งที่คิดและทำ ให้พิจารณากลั่นกรองในแต่ละความคิดที่หมดไป หมดไปในเรื่องอะไรอยู่ เมื่อจิตมีสมาธิแล้วมันจะตั้งมั่น ถ้าไม่เห็นจิตของตน จะเห็นสวรรค์อย่างไร เห็นนรกอย่างไร ก็ไม่รู้ความหมายของที่จะหลุดพ้นทางจิต ให้เราคิดลึกๆดูสภาวะของจิตที่ปรุงแต่งอยู่ข้างใน เป็นความรู้สึกด้านนามธรรม ทางด้านจิต จิตมันปรุงแต่งก่อน จึงนึกขึ้นมา ปรุงแต่งแต่ละคำๆ มันยังอยู่ข้างในก่อนจึงออกมาทางวาจา และกาย จิตที่ยึดถือและเกาะอยู่ มันตายออกไปแล้วจะเป็นอะไร เพราะความไม่รู้ ไม่ได้ฟังคำของพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน และไม่ได้สังเกตจิตของเรา ไม่ได้สำรวจจิตของตน ไม่ได้กำหนดรู้จิต สังเกตจิตของตน มันมาจากความคิดของเราก่อน ความปรุงแต่งของเราก่อน นี่คือต้นเหตุ ออกจากความคิดของเรานี่เอง พอเราฟังแล้วที่เราเคยทำแล้วน้อมเข้ามาสำรวจที่จิตของเรา จะเข้าใจพอฟังแล้วรู้จักสำรวจ จะถูกต้องที่จิตจะเข้าใจ พอจะพูดก็สำรวจดีแล้ว จะรู้จักการพูด รู้จักเวลา รู้จักยับยั้ง จิตตั้งมั่นใคร่ครวญดีแล้ว ฟังแล้วเอามากรั่นกรอง เอามาสำรวจที่จิต เรื่องของของจิต เป็นสิ่งที่สำคัญมากต้องฝึกให้ถูกต้อง 4. จะมองแค่ว่าบางท่านมีศีลดี แต่ไม่เข้าใจในความหมายที่ลึกๆของคำว่าศีลดี มีเรื่องเล่าในธรรมบท                ๓. เรื่องพระติสสเถระ                ข้อความเบื้องต้น  พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่งชื่อติสสเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อยสาว มลํ สมุฏฺฐิตํ" เป็นต้น.                พระติสสะมอบผ้าสาฎกเนื้อหยาบให้พี่สาว ดังได้สดับมา กุลบุตรชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่ง ได้บรรพชาอุปสมบทแล้ว ปรากฏชื่อว่า "พระติสสเถระ."                ในกาลต่อมา พระติสสเถระนั้นเข้าจำพรรษา ณ วิหารในชนบท, ได้ผ้าสาฎกเนื้อหยาบประมาณ ๘ ศอก จำพรรษา ปวารณาแล้ว ถือผ้านั้นไปวางไว้ใกล้มือพี่สาว.                พี่สาวนั้นดำริว่า "ผ้าสาฎกผืนนี้ ไม่สมควรแก่น้องชายเรา" แล้วตัดผ้านั้นด้วยมีดอันคม ทำให้เป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่, โขลกในครก แล้วสาง ดีด กรอ ปั่น ให้เป็นด้ายละเอียด ให้ทอเป็นผ้าสาฎกแล้ว.                พระเถระเตรียมจะตัดจีวร ฝ่ายพระเถระก็จัดแจงด้ายและเข็ม นิมนต์ภิกษุหนุ่มและสามเณรผู้ทำจีวรให้ประชุมกันแล้ว ไปยังสำนักพี่สาว พูดว่า "พี่จงให้ผ้าสาฎกผืนนั้นแก่ฉัน ฉันจักให้ทำจีวร."                พี่สาวนั้นนำผ้าสาฎกประมาณ ๙ ศอกออกมาวางไว้ใกล้มือของพระผู้น้องชาย. ท่านรับผ้าสาฎกนั้นมาพิจารณาแล้ว พูดว่า "ผ้าสาฎกของฉันเนื้อหยาบ ประมาณ ๘ ศอก ผืนนี้เนื้อละเอียด ประมาณ ๙ ศอก ผ้านี้มิใช่ผ้าสาฎกของฉัน นี่เป็นผ้าสาฎกของพี่ ฉันไม่ต้องการผ้าผืนนี้ พี่จงให้ผ้าสาฎกผืนนั้นแหละแก่ฉัน."                พี่สาวตอบว่า "ท่านผู้เจริญ นี่เป็นผ้าของท่านทีเดียว ขอท่านจงรับผ้านั้นเถิด." ท่านไม่ปรารถนาเลย.                ลำดับนั้น พี่สาวจึงบอกกิจที่ตนทำทุกอย่างแก่พระเถระนั้นแล้ว ได้ถวายว่า "ท่านผู้เจริญ นั่นเป็นผ้าของท่านทีเดียว ขอท่านจงรับผ้านั้นเถิด."                ท่านถือผ้านั้นไปวิหาร เริ่มจีวรกรรม.                พระเถระห่วงใยในจีวร ตายแล้วเกิดเป็นเล็น ลำดับนั้น พี่สาวของท่านจัดแจงวัตถุมียาคูและภัตเป็นต้น เพื่อประโยชน์แก่ภิกษุสามเณรผู้ทำจีวรของพระติสสะนั้น. ก็ในวันที่จีวรเสร็จ พี่สาวให้ทำสักการะมากมาย.                ท่านแลดูจีวรแล้ว เกิดความเยื่อใยในจีวรนั้น คิดว่า "ในวันพรุ่งนี้ เราจักห่มจีวรนั้น" แล้วพับพาดไว้ที่สายระเดียง, ในราตรีนั้น ไม่สามารถให้อาหารที่ฉันแล้วย่อยไปได้ มรณภาพแล้ว เกิดเป็นเล็นที่จีวรนั้นนั่นเอง.           พระศาสดารับสั่งไม่ให้แจกจีวร         ฝ่ายพี่สาวสดับการมรณภาพของท่านแล้ว ร้องไห้กลิ้งเกลือกใกล้เท้าของพวกภิกษุ. พวกภิกษุทำสรีรกิจ (เผาศพ) ของท่านแล้วพูดกันว่า "จีวรนั้นถึงแก่สงฆ์ทีเดียว เพราะไม่มีคิลานุปัฏฐาก พวกเราจักแบ่งจีวรนั้น" แล้วให้นำจีวรนั้นออกมา.                เล็นวิ่งร้องไปข้างโน้นและข้างนี้ว่า "ภิกษุพวกนี้แย่งจีวรอันเป็นของเรา."                พระศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎีเทียว ทรงสดับเสียงนั้นด้วยโสตธาตุเพียงดังทิพย์ ตรัสว่า "อานนท์ เธอจงบอก อย่าให้พวกภิกษุแบ่งจีวรของติสสะ แล้วเก็บไว้ ๗ วัน."                พระเถระให้ทำอย่างนั้นแล้ว.                พระศาสดารับสั่งให้แจกจีวรของพระติสสเถระ  แม้เล็นนั้นทำกาละในวันที่ ๗ เกิดในวิมานชั้นดุสิตแล้ว ในวันที่ ๘ พระศาสดารับสั่งว่า "ภิกษุทั้งหลาย จงแบ่งจีวรของติสสะแล้วถือเอา." พวกภิกษุทำอย่างนั้นแล้ว.                พวกภิกษุสนทนากันในธรรมสภาว่า "เหตุไรหนอแล พระศาสดาจึงให้เก็บจีวรของพระติสสะไว้สิ้น ๗ วัน แล้วทรงอนุญาตเพื่อถือเอาในวันที่ ๘."                ตัณหาทำให้สัตว์ถึงความพินาศ  พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ?" เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า "ด้วยเรื่องชื่อนี้"                ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ติสสะเกิดเป็นเล็นที่จีวรของตน เมื่อพวกเธอจะแบ่งจีวรนั้น วิ่งร้องไปข้างโน้นและข้างนี้ว่า "ภิกษุพวกนี้แย่งจีวรอันเป็นของเรา" เมื่อพวกเธอถือเอาจีวรอยู่. เขาขัดใจในพวกเธอแล้วพึงเกิดในนรก เพราะเหตุนั้น เราจึงให้เก็บจีวรไว้. ก็บัดนี้เขาเกิดในวิมานชั้นดุสิตแล้ว เพราะเหตุนั้น เราจึงอนุญาตการถือเอาจีวรแก่พวกเธอ"                เมื่อภิกษุพวกนั้นกราบทูลอีกว่า "พระเจ้าข้า ขึ้นชื่อว่าตัณหานี้หยาบหนอ"                จึงตรัสว่า "อย่างนั้นภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าตัณหาของสัตว์เหล่านี้หยาบ สนิมตั้งขึ้นแต่เหล็ก ย่อมกัดเหล็กนั่นเอง ย่อมให้เหล็กพินาศไป ทำให้เป็นของใช้สอยไม่ได้ ฉันใด. ตัณหานี้ (ก็) ฉันนั้นเหมือนกัน เกิดขึ้นภายในของสัตว์เหล่านี้แล้ว ย่อมให้สัตว์เหล่านั้นเกิดในอบายมีนรกเป็นต้น ให้ถึงความพินาศ." อ่านต่อให้จบได้ที่ https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=28&p=3

Comment