มหาเสวกโท พระยาโหราธิบดี (แหยม วัชรโชติ) ท่านเป็นเจ้ากรมโหร หลวง ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ท่านเริ่มรับราชการมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ต่อเนื่อง มาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ถือเป็น “พระยาโหรฯ ๕ แผ่นดิน” ก็ย่อมได้ และท่าน นี่แหละ ที่เป็นผู้ที่จารึก “ดวงพระบรมราชสมภพ ล้นเกล้า ร.๙” ลงในแผ่น พระสุพรรณบัฏ ก่อนที่จะมีการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ท่านเป็นผู้ ที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในด้านการพยากรณ์ และศาสตร์ต่าง ๆ ที่เร้นลับเป็นอย่างมาก ได้จารึกหลักวิชาการต่าง ๆ ลงในสมุดข่อย เพื่อให้คนรุ่น หลังได้ศึกษาอย่างมากมาย เช่น คัมภีร์กาลจักร-ลัคน์จร, ทักษารามัญ,คัมภีร์อิน ทภาศบาทจันทร์ ฯลฯ เป็นต้น
เป็นดวงชะตาที่ลัคนาได้เกณฑ์ดวงมาตรฐาน “มาลัยโยคชั้นเยี่ยม” โดยมีลัคนานําพลอยู่ในราศีกรกฎ เกตุ (๙) กุมลัคน์, ดาวเสาร์ (๗) ตามลัคน์, ดาวแบคคัส (บ) เกษตรเจ้าเรือนลาภะ ดาวอาทิตย์ (๑) ดาวพุธ (๔) โยคหลัง, ดาวพลูโต (พ) เกษตรเจ้าเรือนกัมมะ, ดาวมฤตยู (๐) ดาวศุกร์ (๖) ราหู (๘) ลอยเหนือศีรษะขณะเกิดในภพกัมมะ, ดาวพฤหัสบดี (๕) ตรีโกณในภพศุภะ และ ดาวเนปจูน (น) อยู่ในภพอริ ติดต่อเรียงรายกัน ๖ ราศี จํานวนทั้งสิ้น ๑๑ ดวง
ดาวพลูโต (พ) ดาวโหราศาสตร์ เกษตรเจ้าเรือนกัมมะ ที่อยู่ในร้อย มาลัย ถูกเกาะกุม และโอบล้อมไปด้วยดาวศุภเคราะห์ถึง ๕ ดวง ส่งผลให้ท่าน ศึกษาค้นคว้าวิชาการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาโหราศาสตร์ และทํางานรับ ราชการในกรมโหรหลวง จนกระทั่งได้ตําแหน่งสูงสุดของหน่วยงาน คือเป็นเจ้า กรมโหรหลวง ในสมัยรัชกาลที่ ๖ มีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาพานทอง
ดาวที่บ่งบอกถึงการรับราชการก็คือ ดาวอาทิตย์ (๑) ที่เดินนําหน้า ดาวพลูโต (พ) เกษตรเจ้าเรือนกัมมะ ในภพลาภะ ซึ่งได้รับกระแสที่ดีจากดาว ศุภเคราะห์ทุกดวงที่เหลือทํามุมให้คุณ กล่าวคือมี ดาวพุธ (๔) ดาวแบคคัส (บ) เกษตร กุม, ดาวจันทร์ (๒) ตรีโกณ, ดาวศุกร์ (๖) ตามหลัง และ ดาวพฤหัสบดี (๕) โยคหลัง ส่งผลให้ท่านได้ลาภผลจากการทํางานรับราชการในตําแหน่ง “โหร หลวง” ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จากระดับล่างขึ้นสู่ระดับสูงสุด
ดาวพฤหัสบดี (๕) ดาวครู ดาวแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุณงามความดี ที่อยู่ ในภพศุภะนั้น เป็นสิบกับ ดาวเสาร์ (๗) ดาวกัมมะโลกธรรม ดาวครองใจ ดาว แห่งการประพฤติตน จึงส่งผลให้ท่านเป็นผู้ที่มีจิตใจใสสะอาดบริสุทธิ์ มั่นคงอยู่ในศีลธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกศิษย์ที่มีอยู่มากมาย ซึ่งดาวเกี่ยวกับลูกศิษย์ นั้นคือ ดาวอังคาร (๓) ดาวเจ้าเรือนปุตตะ ที่กุมกับ ดาวจันทร์ (๒) ดาวเจ้า เรือนลัคน์ในตําแหน่งโยคหน้าลัคนา โดยเราจะเห็นว่าได้รับกระแสที่ดีจาก ดาว อาทิตย์ (๑) ปุตตะโลกธรรม, ดาวพุธ (๔) และ ดาวแบคคัส (บ) เกษตร ในมุมตรีโกณ
ท่านเป็นผู้ที่มีอายุยืนยาวถึง ๕ แผ่นดิน ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๔๙๔ สิริอายุ ๘๓ ปี ดาวที่เสวยอายุคือ ดาวเนปจูน (น) และ ดาว ที่เสวยแทรก คือ ดาวอาทิตย์ (๑) เสวยแทรก เราจะเห็นว่า เกตุ (๙) ดาวที่ ใช้พิจารณาเกี่ยวกับอายุนั้นกุมลัคน์ นําหน้ากลุ่มดาวที่เรียงรายเหนือฟากฟ้า ติดต่อกัน ๕ ราศี จํานวน ๑๐ ดวง และได้รับกระแสที่ดีจากดาวศุภเคราะห์ ทุกดวง และดาวที่ให้คุณ รวมกันถึง ๗ ดวง กล่าวคือมี ดาวจันทร์ (๒) โยค หน้า, ดาวแบคคัส (บ) เกษตร ดาวอาทิตย์ (๑) ดาวพุธ (๔) โยคหลัง, ดาวศุกร์ (๖) ดาวพลูโต (พ) เกษตร เป็นสิบ และ ดาวพฤหัสบดี (๕) ตรีโกณ
ในปีที่ท่านถึงแก่กรรมนั้น ดาวเนปจูน (น) เสวยอายุ เป็นดาวมรณะ วัฏฏะจักร ดาวเจ้าเรือนศุภะ ที่อยู่ในภพมรณะ เท่ากับเพิ่มพลังมรณะให้กับ ตนเอง ซึ่งเราจะเห็นว่า ดาวเนปจูน (น) นอกจากจะอยู่ในภพมรณะแล้ว ยังถูกดาวบาปเคราะห์ และดาวที่ให้โทษเบียนอย่างยับเยิน กล่าวคือ ถูก ดาว พฤหัสบดี (๕) คู่ศัตรู ดาวเจ้าเรือนอริ นําหน้า, ดาวพลูโต (พ) ดาวมฤตยู (๐) ดาว เจ้าเรือนมรณะ ดาวศุกร์ (๖) ประ, ราหู (๘) โยคหน้า, ดาวเสาร์ (๗) ตรีโกณ และ ดาวอังคาร (๓) เกตุ (๔) ทํามุมปลายหอกทิ่มแทงทั้งสองจุด
ส่วนดาวเสวยแทรกคือ ดาวอาทิตย์ (๑) นั้น ต้องกระแสดาวมรณะจาก ดาวอังคาร (๓) ดาวฆาต ตรีโกณ และ ดาวเนปจูน (น) ดาวมรณะวัฏฏะจักร เป็น สิบ และยังถูกดาวบาปเคราะห์ที่เหลือ ดาวร้ายให้โทษ เบียนอย่างยับเยินคือมี ดาวเสาร์ (๗) บีบหน้า ดาวพลูโต (พ) ดาวมฤตยู (๐) ดาวศุกร์ (๖) ประ และ ราหู (๘) บีบหลัง, เกตุ (๙) โยคหน้า ดาวพฤหัสบดี (๕) ดาวเจ้าเรือนอริ โยคหลัง
ซึ่งก็เหมือนกับหลายๆ ดวงที่ผ่านมา คือ ปีใดที่ดาวเสวยอายุ เสวย แทรก ต้องกระแสดาวมรณะ และถูกบาปเคราะห์ร้าย ดาวให้โทษเบียนอย่างยับ เยินแล้วไซร้ ปีนั้น ชะตาอาจถึงฆาต หรือ สิ้นอายุขัยได้ทุกเมื่อ