บันทึกเสียง : อัมพล ชาสงวน
นางรำ : ณัฐริกา ภูสะตัง
(Isaan Music) By Amphol PinThai #IsaanMusic #ByAmphol
The #SrikotaboonDance was created by Arirat Nakphong and the dance teacher. That Phanom School, That Phanom District, Nakhon Phanom Province Has compiled the existing dance moves Mixed with Thai dance And make additional dance moves And held the first show at Wat Phra That Phanom in the year 2518 in the celebration of Phra That Ong model. By Provost Phanom Thammakosit Assistant Abbot of Wat Phra That Phanom Has named this dance costume "Ramsri Khotboon" by the name of the kingdom in the past. Later, in the year 2525, Kalasin Dance College Has brought this dance costume to improve both dance And music used to accompany the dance But still remains the identity of Isan dance which is raised high, bowed low, wide dance, newly revised music is used in Isan music pattern is The wind blowing Phrao yard The Sri Khotaboon dance is a traditional dance costume of Nakhon Phanom Province that is perfect and beautiful. And has been widely used until now
รำศรีโคตบูรเกิดขึ้น โดยอาจารย์ อารีรัตน์ นาคพงษ์ และครูอาจารย์ฝ่ายนาฏศิลป์ โรงเรียนธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ได้รวบรวมท่ารำเซิ้งที่มีอยู่เดิม ผสมผสานกับรำผู้ไทย และประดิษฐ์ท่ารำเพิ่มเติม และจัดการแสดงครั้งแรกที่ วัดพระธาตุพนม เมื่อปี พ.ศ.2518 ในงานสมโภชพระธาตุองค์จำลอง โดยพระครูพนมธรรมโฆสิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ได้ตั้งชื่อชุดรำนี้ว่า “รำศรีโคตรบูร” ตามชื่ออาณาจักรในอดีต ต่อมาในปี พ.ศ.2525 วิทยาลัยนาฏศิลป์กาฬสินธุ์ ได้นำชุดรำนี้ไปปรับปรุงทั้งท่ารำ และดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบการฟ้อนรำ แต่ยังคงเอกลักษณ์ท่ารำอีสาน คือ ยกสูง ก้มต่ำ รำกว้าง ดนตรีที่ปรับปรุงใหม่ก็ใช้ลายดนตรีอีสานคือ ลานลมพัดพร้าว รำศรีโคตรบูรจึงเป็นชุดรำพื้นเมืองของจังหวัดนครพนมที่มีความสมบูรณ์สวยงาม และได้ใช้แสดงแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน
ประวัติรำศรีโคตบูร
นครพนม เดิมเป็นที่ตั้งของอาณาจักรศรีโคตบูรเคยเจริญรุ่งเรืองมาในอดีต เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ศิลปะทางด้านนาฏศิลป์และดนตรีศรีโคตรบูร จึงได้เกิดรำศรีโคตบูรขึ้น โดยอาจารย์ อารีรัตน์ นาคพงษ์ และครูอาจารย์ฝ่ายนาฏศิลป์ โรงเรียนธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ได้รวบรวมท่ารำเซิ้งที่มีอยู่เดิม ผสมผสานกับรำผู้ไทย และประดิษฐ์ท่ารำเพิ่มเติม และจัดการแสดงครั้งแรกที่ วัดพระธาตุพนม เมื่อปี พ.ศ.2518 ในงานสมโภชพระธาตุองค์จำลอง โดยพระครูพนมธรรมโฆสิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ได้ตั้งชื่อชุดรำนี้ว่า “รำศรีโคตรบูร” ตามชื่ออาณาจักรในอดีตและเพื่ออนุรักษ์และเผยแพร่รำศรีโคตรบูร โดยได้รับการสนับสนุนจาก นายประวิทย์ เจียวิริยะบุญญา นายกสมาคมพ่อค้าจังหวัดนครพนม และได้ใช้เป็นชุดรำประจำจังหวัดนครพนมตั้งแต่นั้นมา
นายวิเชียร เวชสวรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (พ.ศ. 2516-2518 ) ได้มองเห็นความสำคัญของรำศรีโคตรบูร จึงมอบให้คณะครูโรงเรียนอนุบาลนครพนม จังหวัดนครพนม เป็นผู้อนุรักษ์และเผยแพร่รำศรีโคตรบูร โดยได้รับการสนับสนุนจาก นายประวิทย์ เจียวิริยะบุญญา นายกสมาคมพ่อค้าจังหวัดนครพนม และได้ใช้เป็นชุดรำประจำจังหวัดนครพนมตั้งแต่นั้นมา
ต่อมาในปี พ.ศ.2525 วิทยาลัยนาฏศิลป์กาฬสินธุ์ ได้นำชุดรำนี้ไปปรับปรุงทั้งท่ารำ และดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบการฟ้อนรำ แต่ยังคงเอกลักษณ์ท่ารำอีสาน คือ ยกสูง ก้มต่ำ รำกว้าง ดนตรีที่ปรับปรุงใหม่ก็ใช้ลายดนตรีอีสานคือ ลานลมพัดพร้าว รำศรีโคตรบูรจึงเป็นชุดรำพื้นเมืองของจังหวัดนครพนมที่มีความสมบูรณ์สวยงาม และได้ใช้แสดงแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน
รำศรีโคตรบูร ได้ใช้รำบูชาพระธาตุพนม ในงานประเพณีรำบูชาพระธาตุพนม ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ร่วมกับงานเทศกาลออกพรรษาและไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม คำว่า “ศรีโคตบูรณ์” หรือ “ศรีโคตรบูร” จะใช้คำใดถึงจะถูกต้อง
1. ตามตำนานอุรังคธาตุกล่าวไว้ คนทั้งหลายเรียกเมือง “ศรีโคตรบอง” ส่วนอินทร์พรหม เทวบุตร เรียกเมือง “ศรีโคตโม” เพราะเหตุพระพุทธองค์ทรงนามว่า “โคตม” (โค-ตะ-มะ) หรือ โคดม เพื่อให้เป็นศรีสวัสดิ์แก่ “พระยาศรีโคตะบูรณ์”
2. อีกตำนานหนึ่งบอกว่า เนื่องจากเมืองครั้งแรกสร้างที่ปากน้ำหินบูรณ์ แขวงท่าแขก ประเทศลาว จึงเรียกเมือง ศรีโคตะบูรณ์ตามชื่อลำน้ำ
3. “โคตร” มาจาก โคตม (โค ตะ มะ , โค ตะ โม หรือ โค ดม ) อันเป็นชื่อของพระพุทธเจ้าลำดับที่ 4 ในพระพุทธศาสนา ซึ่งจะสิ้นสุดยุคของพระองค์ในปี 5000
บูร ( บุร , บุ-ระ ) หมายถึง เมือง
ศรี หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง
เมื่อรวมทั้งสามคำเข้าด้วยกัน เป็น “ศรีโคตรบูร” จะมีความหมายถึง เมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาในสมัยพระโคดม หรือ โคตมะ ซึ่งมีหลักฐานยืนยันเด่นชัดคือเจดีย์พระธาตุพนม
ดังนั้นเอกสารเล่มนี้จึงใช้คำว่า “ศรีโคตรบูร” ในข้อ 3 ตามผู้รู้ได้ให้คำอธิบายไว้ และน่าจะตรงความหมายมากกว่าข้ออื่นๆ ส่วนจะใช้คำว่า “ศรีโคตรบูร” นั้นถ้าแยกศัพท์และความหมายจะได้ดังนี้
โคตร ( โคด , โคตรตะ ) น. หมายถึง วงศ์สกุล , เผ่าพันธุ์ , ต้นสกุล
บูรณ์ (บูระนะ , บูน ) ว. หมายถึง เต็ม
ศรีโคตรบูรณ์ ก็จะมีความหมายว่า เมืองที่เต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์ที่เจริญรุ่งเรือง ส่วนจะใช้คำใดน่าจะถูกต้องก็ให้พิจารณาตามเหตุผลและดุลพินิจของท่าน