ปี 2564 ประเทศไทย คืออันดับสามของเอเชียในเรื่อง ประเทศที่มีสัดส่วนของประชากรสูงอายุเยอะที่สุด ตัวเลขคือ 16% หมายความว่า เรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุกันแล้วครับ
ประเทศที่มีประชากรสูงอายุเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดคือญี่ปุ่นเค้ามีประชากรผู้สูงอายุที่พ้นวัยทำงานไปแล้ว(อายุ 65 ปีขึ้นไป) 30% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในขณะที่เกาหลีใต้มีอยู่ 18% ส่วนไทยกับสิงคโปร์เท่ากันคือ 16%
แต่ประเทศไทยมันจะแย่กว่าประเทศอื่นๆอยู่คือประชากรวัยทำงานของเราที่อยู่ในช่วงอายุประมาณ 15 ถึง 64 ปีที่มีอยู่ประมาณ 70% ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 40 กว่าล้านคนมีแค่ 10% จาก 40 กว่าล้านคนหรือประมาณ 4,000,000 คนเท่านั้นที่จ่ายภาษีรายได้ส่วนบุคคล
และที่แย่ไปกว่านั้น คือตอนนี้อัตราการเกิดของประเทศไทยต่ำกว่า 1% หมายความว่าในระยะยาวประชากรเราจะค่อยค่อยลดลงเรื่อยๆ
จนมีการประเมินว่าในอีก 60 ปีข้างหน้าประชากรไทยจะลดลงเหลือครึ่งเดียวหรือประมาณ 33,000,000 คน (ข้อมูลจาก สถาบัน บัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าตกใจมาก และในกระบวนการเพิ่มประชากร เป็นกระบวนการระยะยาว ที่ใช้เวลาหลายสิบปี การแก้ปัญหาเรื่องประชากรลด จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่แม้จะเริ่มทำในทันทีวันนี้ กว่าจะเห็นผล คืออีกหลายสิบปีข้างหน้า และถ้าแก้ปัญหาผิด หรือไม่ทำอะไรเลย มันก็จะไม่มีโอกาสหยุดยั้งการลดลงของประชากร
การพยายามเพิ่มจำนวนประชากรด้วยการเพิ่มอัตราการเกิด คือสิ่งแรกที่ควรทำ และเราก็ได้เห็นในหลายๆประเทศทั่วโลก พยายามเพิ่มประชากรในแนวทางนี้ แต่แทบไม่มีประเทศไหนที่ประสบความสำเร็จเลย
เพราะเทรนด์ของคนทั่วโลกในตอนนี้ คือการมีลูกน้อย 1-2 คน หรือ ไม่มีลูกเลย
เราสามารถเพิ่มประชากรได้ง่ายเพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกในหลายแง่มุมเลยคนไทยก็ค่อนข้างน่ารักเปิดกว้างไม่สุดโต่ง LGBT เราก็ได้ศาสนาเราก็ไม่ได้เคร่งคนไทยโดยรวมก็ค่อนข้างใจดีอารมณ์ดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่แล้ว
การเปิดรับ หรือดึง "ประชากรที่มีคุณภาพ" จากทั่วโลก มาเป็นประชากรไทย โดยทำให้ประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่สองของคนทั้งโลกดีไหม เราทำให้สังคมไทยกลายเป็นสังคมนานาชาติดีไหม
ถือเป็นกรอบใหม่ๆ ที่ให้เราช่วยเติมประชากร ที่มีคุณภาพ เข้ามาในสังคมของเราได้อีกทางหนึ่ง