AP LAW 25 "คดีอาญาทั่วไปและคดีอาญาทุจริตแตกต่างกันอย่างไร"
AP LAW 25 "คดีอาญาทั่วไปและคดีอาญาทุจริตแตกต่างกันอย่างไร"
.
ความแตกต่างของคดีอาญาทั่วไปและคดีอาญาทุจริตนั้นมีหลายข้อด้วยกัน เนื่องจากคดีอาญาทั่วไปนั้นจะเป็นคดีที่ประชาชนกระทำต่อประชาชนด้วยกัน หากแต่คดีอาญาทุจริตนั้นจะเป็นคดีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐได้กระทำผิดในฐานทุจริตและประพฤติมิชอบต่อหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้
.
1.ลักษณะของคดีอาญาทั่วไปและคดีอาญาทุจริต
.
1.1 ลักษณะของคดีอาญาทั่วไป เป็นอย่างไร ?
ลักษณะของคดีอาญาทั่วไป คือ เป็นการกระทำความผิดที่กฎหมายห้ามและมีบทลงโทษเอาไว้ โดยจะเป็นการกระทำต่อผู้อื่นในลักษณะที่ทำให้เกิดความเสียหายต่างๆ โดยการดำเนินคดีอาญาทั่วไปนั้นวิธีแรกจะทำโดยการแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนให้พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง หากพนักงานอัยการสั่งฟ้องคดีก็จะเข้าสู่การพิจารณาของศาล ผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการได้ แต่ในอีกวิธีคือการที่ผู้เสียหายตั้งทนายความฟ้องคดีเอง กรณีนี้ศาลจะต้องไต่สวนมูลฟ้องเสียก่อน หากคดีมีมูล ศาลก็จะประทับฟ้อง
.
1.2 ลักษณะของคดีอาญาทุจริต เป็นอย่างไร ?
ลักษณะของคดีอาญาทุจริต คือ คดีที่อยู่ในเขตอำนาจศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 เช่น ฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา ฟ้องขอให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้สมคบ ผู้ใช้ ตัวการ ผู้สนับสนุน ในฐานความผิดอื่นๆ เช่น การฟอกเงิน การเรียกรับสินผลหรือผลประโยชน์ การไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ การร่ำรวยผิดปกติ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 3
.
2. เขตอำนาจศาลของคดีอาญาทั่วไปและคดีอาญาทุจริต
.
2.1 เขตอำนาจศาลของคดีอาญาทั่วไป
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 เมื่อความผิดเกิดขึ้น อ้างหรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลใดให้ชำระที่ศาลนั้น แต่ถ้า
(1) เมื่อจำเลยมีที่อยู่ หรือถูกจับในท้องที่หนึ่งหรือเมื่อเจ้าพนักงานทำการสอบสวนในท้องที่หนึ่งนอกเขตของศาลดั่งกล่าวแล้ว จะชำระที่ศาลซึ่งท้องที่นั้นๆ อยู่ในเขตอำนาจก็ได้
(2) เมื่อความผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรไทยให้ชำระคดีนั้นที่ศาลอาญา ถ้าการสอบสวนได้กระทำลงในท้องที่หนึ่งซึ่งอยู่ในเขตของศาลใด ให้ชำระที่ศาลนั้นได้ด้วย
.
2.2 เขตอำนาจศาลของคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบที่เกิดในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี จะต้องฟ้องคดีต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แต่ถ้าเกิดนอกเหนือจากจังหวัดที่กล่าวไว้ข้างต้น จะต้องฟ้องคดีต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาคที่มีเขตอำนาจ
.
ส่วนความผิดซึ่งเป็นคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเกิดนอกราชอาณาจักรไทยนั้น ต้องชำระคดีที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แต่ถ้าการสอบสวนทำในท้องที่ที่อยู่ในเขตอำนาจศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาคใดแล้ว ก็ให้ชำระคดีที่ศาลนั้นได้เลย ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 5
.
3. บทลงโทษของคดีอาญาทั่วไปและคดีอาญาทุจริต
.
3.1 บทลงโทษของคดีอาญาทั่วไป
โทษตามกฎหมายของคดีอาญาทั่วไปนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 13 ได้กำหนดโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดไว้ 5 สถาน ตามลำดับความร้ายแรงของการกระทำความผิด คือ
(1) ประหารชีวิต (2) จำคุก (3) กักขัง (4) ปรับ (5) ริบทรัพย์สิน
.
3.2 บทลงโทษของคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ
ในส่วนของโทษทางอาญาจะไม่ได้มีเพียงโทษทางอาญา แต่จะมีการริบทรัพย์สินที่ต่างจากการริบทรัพย์สินในคดีอาญาทั่วไปด้วย เพราะคดีอาญาทั่วไปจะริบทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด ในกรณีศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบนั้น นอกจากจะริบทรัพย์สินที่ใช้กระทำความผิดแล้ว ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันอาจคํานวณเป็นราคาเงินได้ที่บุคคลได้มาจากการกระทําความผิด หรือจากการเป็นผู้ใช้ ผู้สนับสนุน หรือผู้โฆษณาหรือประกาศให้ผู้อื่นกระทําความผิด ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันอาจคํานวณเป็นราคาเงินได้ที่บุคคลได้มาจากการจําหน่าย จ่าย โอน ด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์ข้างต้น ก็จะถูกริบด้วย รวมไปถึงดอกผลของทรัพย์สินข้างต้นก็จะถูกริบด้วยเช่นกัน ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 31 นอกจากนี้ ตามมาตรา 32 ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันอาจคํานวณเป็นราคาเงินได้ที่บุคคลได้ให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้แก่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อจูงใจให้กระทําการ ไม่กระทําการ หรือประวิงการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าที่ ทรัพย์สินหรือประโยชน์ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐได้มาจากการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือความผิดในลักษณะเดียวกันตามกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือตามกฎหมายอื่น ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันอาจคํานวณเป็นราคาเงินได้ที่ได้ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ เพื่อจูงใจบุคคลให้กระทําความผิด หรือเพื่อเป็นรางวัลในการที่บุคคลได้กระทําความผิด หรือทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอน ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์ข้างต้น รวมทั้งดอกผลของทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ข้างต้น ศาลมีอำนาจริบได้
.
เนื้อหาโดย
กิตตินันท์ จารุกิจไพศาล
Paralegal
น.บ. (ธรรมศาสตร์)