Intermittent Fasting คือการอดอาหารที่เป็นเวลา ช่วยลดไขมันได้ ส่วน Ketogenic Diet ก็ช่วยเปลี่ยนนสวิซส์ให้กับร่างกาย ให้เบิร์นไขมันมาเป็นพลังงานแทนน้ำตาล เราควรเลือกแบบไหนดี?
Intermittent Fasting (IF) และ Ketogenic Diet เป็นสูตรการกินอาหารกำลังเป็นที่นิยม และมีคนทำตามมากที่สุด โดยเฉพาะคนที่ต้องการลดไขมัน ลดน้ำหนัก และลดปัญหาสุขภาพ
อีกทั้ง โปรแกรมไอเดททั้ง 2 แบบนี้ ก็มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือรองรับด้วยว่าได้ผลจริง และมีความปลอดภัยสูง
แต่คำถาม คือ เราควรจะเลือกทำ Ketogenic Diet หรือ IF มากกว่า ความเหมือนและความต่างมีอะไรบ้าง และถ้าทำพร้อมกันได้หรือเปล่า ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง และมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้าง
ใน EP นี้ ผมโค้ชเค จะมาเปรียบเทียบสูตร IF 16/8 กับ Ketogenic Diet ว่าแบบไหนดีกว่า และจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าเราทำพร้อมกัน
ทักไลน์มาคุยกันตามลิ้งก์นี้ 👉Fitterminal LINE: https://lin.ee/oUroe8R
IF 16/8 & Keto แบบไหนดีกว่า & ทำพร้อมกันได้ไหม?
ก่อนอื่นผมว่าเรามาทำความรู้จักกับสูตรไดเอท 2 แบบนี้ก่อนดีกว่าครับว่า คืออะไร และมีข้อดีเด่นๆ
KETOGENIC DIET คืออะไร?
คีโตเจนิคไดเอต (Ketogenic Diet) คือ สูตรการกินอาหารที่เน้นการกินไขมันดี โปรตีน และลดคาร์โบไฮเดรตลงให้น้อยกว่าวันละ 50 กรัมต่อวัน
จุดประสงค์ก็เพื่อเร่งการเผาผลาญไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น แทนการใช้น้ำตาลกลูโคส ที่ได้จากอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรต
สูตรคีโตเจนิคไดเอต เราอาจจะต้องกินอาหารที่เป็นไขมันดี มากถึง 70-80% ของปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
จุดเด่นของสูตรกินอาหารแบบพร่องแป้ง เช่น Ketogenic diet และ Low-Carb High-fat Diet คือ เราจะกินคาร์บแค่ประมาณ 3% ของพลังงานแคลอรี่ต่อวัน
ชื่อ “Ketogenic Diet” ได้มาจากการที่ร่างกายเราเผาผลาญไขมันมาเป็นพลังงาน ทำให้เกิดแหล่งพลังงานใหม่ที่เรียกว่า “Ketone Bodies” หรือเรียกสั้นๆว่า “คีโตน”
คีโตน คือ แหล่งพลังงานที่ร่างกายจะใช้ระหว่างที่ไม่มีพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต หรือน้ำตาลกลูโคส
การกินคีโตจีนิคไดเอท จะเป็นการเปลี่ยนสวิตซ์ให้กับร่างกาย จากที่เคยใช้กลูโคสเป็นพลังงาน ร่างกายก็จะเผาผลาญไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น
ทำให้การลดไขมัน และการลดน้ำหนักเป็นไปได้เร็วมาก เผลอๆเราอาจจะลดน้ำหนักได้มากถึง 10 กิโลกรัม ภายใน 2 อาทิตย์
Ketogenic Diet จึงอาจจะเหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 หรือใครที่อ้วนมาก และต้องการลดน้ำหนัก และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปรกติ
เพราะมันได้ผลดีกว่าการกินอาหารแบบทั่วหรือ หรือ “Standard Diet” ที่เราอาจจะกินคาร์บมากถึง 50% ของปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
ทำให้ระดับอินซูลินยังสูงอยู่ เพราะถ้ามีอินซูลิน มันก็ไม่มีการลดไขมัน ถ้ายิ่งมีเยอะๆ ร่างกายเราก็อาจจะเสี่ยงที่จะดื้อต่ออินซูลินมากขึ้น
INTERMITTENT FASTING คืออะไร?
Intermittent Fasting (IF) คือ รูปแบบการกินอาหารเพื่อลดน้ำหนักหรือลดไขมัน เป็น 2 ช่วงเวลา นั่นคือ
ช่วงอดอาหาร (Fasting)
ช่วงกินอาหาร (Feeding)
เราจะสังเกตว่า IF จะต่างกันกับสูตรลดน้ำหนักรูปแบบอื่นตรงที่ เราไม่เลือกกิน หรืองดกินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่เราจะจำกัดหรือกำหนดเวลาว่าเวลาไหนกินได้ เวลาไหนที่ต้องอด
การทำ IF จึงเป็นเหมือนรูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle) มากกว่าการลดน้ำหนักหรือลดไขมันทั่วไป
Intermittent Fasting vs Ketogenic Diet เหมือนและแตกต่างกันยังไงบ้าง?
IF & Keto เหมือนและต่างกันยังไง?
สิ่งหนึ่งที่ IF และ Keto เหมือนกัน คือ สูตรไดเอททั้ง 2 แบบ สามารถลดระดับฮอร์โมนอินซูลินลงได้ ทำให้การลดไขมันเป็นไปได้ดี
การทำ Intermittent Fasting ก็เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมัน และผลิตคีโตนได้เหมือนกัน
เพราะระหว่างที่อดอหาาร ระดับฮอร์โมนอินซูลินจะอยู่ในระดับต่ำ น้ำตาลกลูโคสจะไม่มีเลย ทำให้เป็นการบังคับให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น
อ่านบทความเต็ม ▶️https://bit.ly/2vFQMmp
💪 ถ้าไขมันทำคุณให้เครียด ไม่มั่นใจ อยากเริ่มทำ IF 16/8 อย่างถูกวิธี ออกกำลังกายแบบมีหลักการ ควบคุมอาหารให้พอเหมาะ และมีโค้ชดูแล
แอดไลน์ที่ลิ้งค์ด้านล่าง แล้วมาปรึกษาก่อนได้ FREE ครับ
#ลดน้ำหนัก #ลดไขมัน #ออกกำลังกายหลังคลอด
===============================
| Follow Us | ช่องทางการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร |
Fitterminal LINE: https://lin.ee/oUroe8R
Fitterminal Facebook: http://bit.ly/2GeJebZ
Fitterminal Instagram: http://bit.ly/2Zh5KtG
Fitterminal Website: http://bit.ly/2GKOWDa
Brolls: Pexcel.com, Freepik.com, Pixabay.com