ในยุคที่การเมืองไทยเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
หลังการรื้อฟื้นระบบรัฐสภา
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกลับกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง
ผู้ที่มีอำนาจและทรัพย์สินต่างมองเห็นคุณค่าในเสียงข้างสนาม
แสงไฟนีออนจากป้ายโฆษณาสีสันสดใส
สะท้อนอยู่บนพื้นถนนเปียกชื้นจากฝนที่เพิ่งซา
แต่อยู่ภายใต้เงามืดของตึกสูงระฟ้า
ความตึงเครียดซึมซาบไปในอากาศ
เสียงกระซิบของคนที่อยู่ในเครือข่ายอาชญากรรม
ผสมผสานกับเสียงพูดจาที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและโหดร้าย
ในห้องรับรองแสงไฟสลัว
กลิ่นบุหรี่ราคาถูกคละคลุ้ง
ผสมกับกลิ่นเหงื่อและแอลกอฮอล์เกรดต่ำ
ร่างของชายวัยกลางคนหลายคนนั่งล้อมโต๊ะไม้เก่า
ใบหน้าของพวกเขาแข็งกร้าว
ถูกแต้มด้วยร่องรอยของอดีตที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน
ทุกคนรู้ดีว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับคนอ่อนแอ
เสียงแหบต่ำดังขึ้นจากชายผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ปลายโต๊ะ
คนอื่นๆเงียบลงทันที
ราวกับเสียงนั้นมีอำนาจเหนือลมที่พัดผ่านช่องหน้าต่างแคบๆของห้อง
“พวกเรา
...ต้องเข้าใจว่าในสนามนี้
ไม่มีใครรอดพ้นจากการถูกลอบสังหาร”
ชายผู้พูดมีดวงตาเข้มขรึม
มือที่กดซิการ์ลงบนที่เขี่ยบุหรี่สั่นเพียงเล็กน้อย
แต่ทุกคนเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักเล่นเกมที่เชี่ยวชาญ
คนที่ใช้ชีวิตอยู่กับความตายและความกลัวของผู้อื่น
“ถ้าเราสามารถควบคุมราคาได้
เราก็สามารถกำหนดทิศทางของการเมืองได้ด้วย”
เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากชายร่างท้วมที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
มือของเขาลูบคลำมีดพกสั้นที่เสียบไว้ในซองหนังอย่างเผลอไผล
“ทุกการเคลื่อนไหวของเราเป็นเหมือนการวางเดิมพันที่มีชีวิต
และความตายเป็นเงินเดิมพัน
คิดให้ดีแล้วจงเดินตามแผนที่วางไว้”
แสงไฟในห้องกระทบกับดวงตาของพวกเขา
เผยให้เห็นความโลภ
ความหวาดระแวง
และความมุ่งมั่นอันโหดเหี้ยม
ค่ำคืนหนึ่งในเมืองชายทะเล
ฝนโปรยลงมาเบาๆเสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งสลับกับเสียงลมเย็น
ที่พัดผ่านซอกซอยที่เต็มไปด้วยเงามืด
ชายสองคนยืนพิงผนังอาคารเก่า
มือข้างหนึ่งถือบุหรี่ที่ไหม้ไปครึ่งมวน
อีกมือหนึ่งซุกอยู่ในเสื้อคลุมเก่าซึ่งซ่อนปืนสั้นไว้ใต้ร่มเงา
“เราได้รับคำสั่งใหม่จากเบื้องบน”
ชายแก่ที่มีรอยสักรูปเสือบนแขนเอ่ยขึ้น
สายตาของเขามีแต่ความเฉยชา
ราวกับชีวิตของคนอื่นไม่มีความหมาย
“คำสั่งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น
ทุกท่านจำไว้ว่าความล้มเหลวหมายถึงความตาย”
“คืนนี้
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมุทรสงครามต้องไม่รอด”
ชายอีกคนตอบกลับเสียงราบเรียบ
เขาหยิบปืนออกมาเช็กกระสุน
เสียงคลิกของลูกโม่สะท้อนในความเงียบของตรอกแคบ
เสียงกระสุนและเงาของความตาย
กลางดึก
คฤหาสน์หรูริมทะเล
ที่เป็นที่พำนักของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเงียบสนิท
มีเพียงเสียงคลื่นและสายลมที่โหมกระหน่ำ
เงาสองเงาลัดเลาะเข้ามาจากทางด้านหลังของตัวบ้าน
เบื้องหน้าพวกเขาเป็นกระจกบานใหญ่
ที่สะท้อนเงาฝนและสายฟ้าที่แลบขึ้นในฟากฟ้า
พวกเขาสื่อสารกันด้วยสายตา
หนึ่งในนั้นชูนิ้วเป็นสัญญาณให้ลงมือ
ปัง!
ปัง!
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นสามนัดติดกัน
ไฟในบ้านสว่างวาบก่อนจะดับลงทันที
เสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้นจากชั้นบน
ก่อนจะเงียบลงอย่างรวดเร็ว
ชายผู้เป็นเป้าหมายทรุดตัวลงกับพื้น
เลือดสีเข้มไหลนองไปตามพรมราคาแพง
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
ราวกับพยายามหาคำตอบว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับเขา
ชายผู้ลั่นไกยืนมองเหยื่อของเขาอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบเบาๆ
ข้างหูของศพที่ยังมีไออุ่นเล็กน้อย
“เกมนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับคนที่ไม่รู้จักวิธีเล่น”
เขาลุกขึ้น เช็ดเลือดจากปืนของตัวเอง
กับแขนเสื้อของศพที่กระเด็นมาโดน
แล้วหายลับไปในเงามืดของค่ำคืน
รุ่งเช้าข่าวการลอบสังหารกระจายไปทั่ว
หนังสือพิมพ์ทุกฉบับพาดหัวด้วยตัวอักษรหนาว่า:
“สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถูกสังหารโหดกลางบ้านพัก
ตำรวจเร่งหามือปืน”
เสียงกระซิบในวงการการเมืองดังก้องขึ้น
บ้างกล่าวโทษฝ่ายตรงข้าม
บ้างซุบซิบเกี่ยวกับข้อตกลงลับที่ถูกละเมิด
แต่สิ่งที่ทุกคนรู้แน่ชัดก็คือ
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเงามืดที่กำลังแผ่ขยายเข้าสู่โลกแห่งการเมืองไทย
ที่ไม่มีที่ว่างสำหรับความเมตตาและศีลธรรมอีกต่อไป