อาศัยโลกนี้เป็นเครื่องมือในการสร้างคุณค่าให้แก่ตนเอง วันที่ 31 มกราคม 2568 หลวงปู่นิภา นิภาธโร
ขอความสุขและความเจริญในธรรมจงบังเกิดแก่ผู้สนใจในธรรมทั้งหลาย
วันนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งที่ทำให้บุคคลแตกต่างและเป็นเหตุให้สามารถก้าวพ้นจากโลกนี้ไปได้ โลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เป็นโทษ และไม่มีสิ่งใดที่แน่นอนถาวร ดังนั้น บัณฑิตผู้ฉลาดย่อมใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท อาศัยโลกนี้เป็นเครื่องมือในการสร้างคุณค่าให้แก่ตนเอง ยิ่งมีปัญญามากเท่าใด ก็ยิ่งเห็นประโยชน์ของสิ่งทั้งหลายรอบตัวมากขึ้น
โลกเป็นสิ่งที่มีคู่ตรงข้ามเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันกับกลางคืน ร้อนกับเย็น สุขกับทุกข์ หญิงกับชาย สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาของโลก และสัตว์ทั้งหลายก็ติดอยู่ในความคู่นี้มาอย่างยาวนาน พระพุทธเจ้าทรงใช้ปัญญาและความรู้แจ้ง เพื่อพิจารณาและเข้าใจความจริงของโลก เมื่อสามารถรวมสิ่งที่เป็นคู่ให้เป็นหนึ่งเดียวได้ อารมณ์ก็จะไม่หวั่นไหวไปตามโลก
เมื่อมีสติรู้เท่าทัน และปัญญาที่รอบรู้ จิตก็จะมั่นคง ไม่หวั่นไหวไปตามมายาของโลก พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราเห็นว่า สิ่งต่างๆ เช่น การเกิด แก่ เจ็บ และตาย เป็นธรรมดาของชีวิต แต่เราต้องใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริง ไม่ปล่อยใจให้หลงไปกับมายา
ความจริงของโลกนั้นเป็นหนึ่งเดียวเสมอ เพียงแต่มายาทำให้เรามองเห็นเป็นสอง เกิดกับตายก็เป็นสิ่งเดียวกัน ความรักกับความชังก็เป็นสิ่งเดียวกัน เจอกับพลัดพรากก็เป็นสิ่งเดียวกัน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของมายาที่หลอกล่อให้จิตใจของเราไหลตาม
หากเรามีปัญญาและสมาธิที่มั่นคง ก็จะสามารถเห็นธรรมชาติของสิ่งเหล่านี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับรอยเท้าของสัตว์ที่สามารถนำผู้ติดตามไปถึงต้นตอของมันได้ ถ้าเราตามดูความเสียใจ ก็จะเห็นว่ามันเกิดจากใจของเราเอง เมื่อเข้าใจเช่นนี้ จึงสามารถปล่อยวางและก้าวข้ามอารมณ์เหล่านั้นไปได้
การอาศัยโลกนี้เพื่อสร้างปัญญานั้น จำเป็นต้องมีสมาธิที่หนักแน่นและมั่นคง เมื่อปัญญารู้เท่าทัน ก็จะไม่วิตกกังวล ไม่เร่าร้อน ไม่ถูกกิเลสครอบงำ ทุกสิ่งที่เราประสบล้วนเป็นอุปกรณ์ในการเรียนรู้และฝึกฝนจิตใจให้หลุดพ้นจากความยึดติด
เมื่อฝึกจิตจนถึงระดับหนึ่ง จะสามารถถอนความพอใจและไม่พอใจในสิ่งทั้งหลายออกไปได้ เพราะสุดท้ายแล้ว ทุกสิ่งก็เป็นไปตามธรรมชาติของมัน เราไม่สามารถบังคับให้สิ่งต่างๆ เป็นไปตามใจเราได้ พระอริยเจ้าทั้งหลายท่านจึงมองเห็นความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเครื่องหมายที่นำไปสู่ความไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
เมื่อเข้าใจความจริงของโลกเช่นนี้ ปัญญาจะเปล่งประกายดั่งเพชรเจียระไน ทำให้จิตใจสงบ เย็น และมีอุเบกขา ไม่หลงไปตามโลกอีกต่อไป
พระเจ้าสุทโธทนะ (พระบิดาของพระพุทธเจ้า) แม้จะเคยหลงใหลในยศถาบรรดาศักดิ์และปรารถนาให้พระโอรสดำเนินรอยตามตน แต่เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต พระองค์ได้เรียนรู้ความจริงว่า สังขารร่างกายไม่ใช่ของเรา มันไม่ฟังคำสั่งของเรา ไม่เป็นไปตามที่ใจต้องการ เมื่อได้สดับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้า จึงเกิดปัญญารู้แจ้ง ถอนความยึดมั่นถือมั่นออกจากจิตใจ และเข้าถึงความสงบเย็น
การที่เราต้องประสบกับความเจ็บป่วย หรือความทุกข์ต่างๆ ก็เป็นโอกาสให้เราได้หยุดพิจารณาตนเองมากขึ้น ได้อยู่กับสัจธรรมมากขึ้น หากเราไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย เราอาจไม่มีโอกาสได้หยุดคิดพิจารณาชีวิต เพราะกิเลสมักใช้เราไปในทางที่หลงใหลมัวเมา
ดังนั้น จงใช้สังขารและความเจ็บป่วยเป็นอุปกรณ์ในการเข้าถึงความจริงที่ประเสริฐ ฝึกตนเพื่อพ้นจากตน ฝึกตนให้รู้ตน จนสามารถปล่อยวางความพอใจและไม่พอใจลงได้ เมื่อถึงจุดนั้น เราจะพบกับตนที่แท้จริง คือสัจธรรมที่อยู่ภายใน
ขออนุโมทนาแด่ทุกท่านที่ได้รับฟังธรรมะโอสถในวันนี้ ขอให้ปิติที่เกิดจากความเข้าใจธรรมจงเป็นยาวิเศษที่บำรุงจิตใจของทุกท่านให้สงบเย็น และขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในทางธรรมตามที่ตั้งใจไว้